{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC เผยผลงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ยังแข็งแกร่ง ทำรายได้จากการขายทั้งสิ้น 9,305 ล้านบาท เติบโต 5% กำไรสุทธิ 436 ล้านบาท ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น คาดรายได้รวมทั้งปีจะเติบโตกว่าปีก่อน
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 9,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการรักษาภาพรวมผลการดำเนินงานโดยรวมให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่ผ่านมาชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารและการขายเครื่องดื่ม ทำให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์แก้วชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและสต๊อกสินค้าอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการในช่วงที่ผ่านมา และปรับโมเดลธุรกิจสู่ Total Packaging Solutions เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร
ซึ่งจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 ดังกล่าว คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 76.39 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2564
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วที่จะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีความท้าทายด้านราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการอุปสงค์และอุปทานอย่างเหมาะสม และวางเป้าหมายผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้เติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปีนี้ โดยล่าสุดมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น และคาดว่าหากรัฐบาลมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงเพิ่มเติมในระยะถัดไป จะส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ต่อเนื่องถึงปี 2565 อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตในส่วนของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วที่เพิ่มกว่า 13% ในช่วงไตรมาส 4 ของปีหน้า จากโรงงานปราจีนบุรี และ ปี 2566 จากโรงงานราชบุรี ด้วยงบลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS