การประชุม กนง. 13 ส.ค. มติเป็นเอกฉันท์ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 1.50% มองช่วงที่เหลือปรับลดอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง

ในการประชุมกนง. วันที่ 13 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 1.50% โดยแถลงการของกนง. ในการประชุมรอบนี้แตกต่างจากการประชุมรอบก่อนหน้าที่มีมติให้คงดอกเบี้ยดังนี้· มองเศรษฐกิจไทยเปราะบางขึ้น โดยเฉพาะใน SMEs ท่ามกลางผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอาจช่วยลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบางได้ในระดับหนึ่ง โดยยังมองเศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้

· มองเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ โดยในการประชุมรอบนี้มีการตัดมุมมองความเสี่ยงด้านสูงของเงินเฟ้อจากปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ออกไป ขณะที่มองเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงที่คาดไว้

· ให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น โดยมองว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินภูมิภาคซึ่งอาจมีนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต่างจากการประชุมรอบก่อนหน้าที่มองค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในทิศทางเดียวกับสกุลภูมิภาค และมองความเสี่ยงด้านเครดิตส่งผลต่อการหดตัวของสินเชื่อ ในขณะที่คุณภาพสินเชื่อยังปรับด้อยลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดกนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือของปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประกอบกับในการประชุมรอบนี้กนง. ระบุว่านโยบายการเงินในระยะข้างหน้าควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่คาดว่ากนง. คงจะยังให้ความสำคัญกับจังหวะในการปรับลดดอกเบี้ยท่ามกลางขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่มีจำกัดมากขึ้น และคงต้องติดตามการส่งผ่านของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ นับตั้งแต่การประชุมกนง. ครั้งถัดไป จะมีการเปลี่ยนผู้ว่าการธปท. รวมถึงกรรมการในคณะกรรมการธปท. บางรายหลังจากครบวาระ

ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์

ผู้บริหารงานวิจัย

lalita.thi@kasikornresearch.com


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment