{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีบัญชี 68/69 (เม.ย.-มิ.ย.68) บริษัทมียอดขาย 3,335 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อนที่มียอดขาย 3,577 ล้านบาท หรือลดลง 7% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30 - 33% และมีกำไรสุทธิที่ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เนื่องจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 44 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงานตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก
บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงมากกว่ายอดขาย โดยบริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในหลายแหล่งเพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยจากราคาวัตถุดิบมีราคาเหมาะสม นอกจากนี้ Aeroflex USA, Inc. สหรัฐอเมริกา ได้บริหารจัดการต้นทุน เพื่อรองรับผลกระทบด้านภาษีในระยะสั้น โดยสำรองวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปในระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 41 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน จากการยุติการดำเนินงานใน TJM Off-Road Products Inc. สหรัฐอเมริกา และการลดลงของค่าใช้จ่ายในออสเตรเลียและในไทย บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน ในไตรมาสนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐและแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย
บริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 44 ล้านบาท มาจากรายการลูกหนี้การค้าของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าให้แก่ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อสำคัญจากค่ายยานยนต์รายใหญ่ในมูลค่าที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้ การเจรจากับลูกค้าในแอฟริกาใต้มีพัฒนาการเชิงบวก ธุรกิจร่วมทุนสามารถจำหน่ายสินค้าในราคาขายใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้มีสภาพคล่องดีขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน
“คาดว่าปีบัญชีนี้จะสามารถรักษาระดับยอดขายที่ 13,800 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 – 33% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมใช้นโยบาย“USE” (U: Utilization การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า S: Save การประหยัดค่าใช้จ่าย และ E: Efficiency การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน) ลดภาระค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน” ดร.เฉลียว กล่าว
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS