{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ซีเอ็มเอ็มยู เผยผลวิจัยการตลาด “ยุคโลกผันผวน” แนะใช้ “เซอเทิ่น” (Certain Strategy) 7 สิ่งที่ธุรกิจในปี 2021 ควรทำเพื่อให้สินค้า-บริการ ไปต่อได้ในปีแห่งความไม่แน่นอน
ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เปิดเผยว่า วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ได้จัดทำข้อมูลงานวิจัย “Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น” พบหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความกังวลและรู้สึกถึงความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น โรคอุบัติใหม่และโรคระบาด เช่น โควิด-19 คิดเป็น 76.8% ตามมาด้วยอันตรายจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM2.5 ไอเสีย ขยะล้นโลก ฯลฯ คิดเป็น 74.6% ด้านสังคมในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและความเห็นต่างกันในสังคม คิดเป็น 65% ด้านเศรษฐกิจทั้งเรื่องค่าครองชีพสูงและความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน คิดเป็น 64% ด้านเทคโนโลยีที่ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ คิดเป็น 62.8% และด้านการเมืองที่มีสถานการณ์อันส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน คิดเป็น 62.6%
ประกอบกับสถานการณ์ “Social Distancing” หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ 3 สิ่ง ได้แก่ 1. คนไทยหันหน้าพึ่งสายมู หรือมีความเชื่อโชคลาง (Superstitious) โดยที่ 5 อันดับความเชื่อโชคลางที่มีผลต่อคนไทยมากที่สุดคือ 1.พยากรณ์ โหราศาสตร์ ลายมือ ไพ่ยิปซี 2.พระเครื่องวัตถุมงคล 3.สีมงคล 4.ตัวเลขมงคล และ 5.เรื่องเหนือธรรมชาติ ตามลำดับ ผ่านช่องทาง ได้แก่ โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ คิดเป็น 73.8% บุคคลรอบข้าง เช่น พ่อแม่ พี่น้อง คิดเป็น 59.6% ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้น ๆ คิดเป็น 29.7% หนังสือพิมพ์และนิตยสาร คิดเป็น 20.1% และสื่อโทรทัศน์และวิทยุ คิดเป็น 19.6%
2.เกิดความเชื่อในอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ) โดยได้เข้ามามีอิทธิพลและผลต่อการรับรู้และวิถีการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุผลที่ติดตามจำนวน 81.9% เพราะเนื้อหา ตามมาด้วย 69.2% เพราะรูปแบบการนำเสนอ และ 45.3% เพราะความน่าเชื่อถือ ในขณะที่แฟลตฟอร์มที่คนไทยใช้ติดตามอินฟลูเอนเซอร์มากที่สุดคือ 1.ยูทูป (Youtube) 2.เฟซบุ๊ก (Facebook) และ 3.อินสตาแกรม (Instagram) โดยที่กลุ่มคนเจนเอ็กซ์และกลุ่มคนเบบี้ บูมเมอร์ นิยมใช้แฟลตฟอร์มเฟซบุ๊กและยูทูป กลุ่มคนเจนวายนิยมใช้แฟลตฟอร์มยูทูปและเฟซบุ๊ก ส่วนกลุ่มคนเจนซีนิยมใช้แฟลตฟอร์มยูทูปและอินสตาแกรม
3.นิยมพูดคุยคลายเหงาในคอมมูนิตี้ออนไลน์ (Online Community) ผ่านหลากหลายกลุ่ม เช่น 1.กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 2.กลุ่มท่องเที่ยว 3.กลุ่มครอบครัว 4.กลุ่มสุขภาพและความงาม 5.ความบันเทิง ดนตรี ภาพยนตร์ 6. ธรรมชาติ 7. ชอปปิ้ง 8.การศึกษา 9.การเงินและการลงทุน และ 10.สัตว์เลี้ยง โดยกลุ่มคนเบบี้ บูมเมอร์ ส่วนใหญ่ให้ความสนใจกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มสุขภาพและความงาม ผ่านการรับรู้ข้อมูลบนแฟลตฟอร์มเฟซบุ๊กและไลน์ กลุ่มคนเจนเอ็กซ์และกลุ่มคนเจนวายมีความสนใจกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงการท่องเที่ยวผ่านบนแฟลตฟอร์มไลน์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ส่วนกลุ่มคนเจนซีสนใจกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงการศึกษาผ่านบนแฟลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม โดยการมีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้ ได้แก่ ติดตามและกดไลค์ คิดเป็น 72.9% แชร์ข้อมูล คิดเป็น 44.6% แสดงความคิดเห็น คิดเป็น 37.2% และซื้อ-ขายสินค้า คิดเป็น 24.4%
ในขณะเดียวกันจากความกังวลและสถานการณ์ “Social Distancing” หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้คนไทยนั้นเข้าสู่การสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบออนไลน์คอมมูนิตี้ (Online Community) มากขึ้น
ด้าน นางสาวมูรธา จรรยาวรลักษณ์ หัวหน้าทีมวิจัย Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น นักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เพื่อเป็นประโยชน์แก่ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ นักวิจัยการตลาดซีเอ็มเอ็มยูจึงได้คิดค้นกลยุทธ์เซอเทิ่น (Certain Strategy) กลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นกุญแจด้านการสื่อสารที่สำคัญจะมาช่วยทำให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้พร้อมทั้งตอบโจทย์และมัดใจผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ประกอบไปด้วย
1.Content First เนื้อหาต้องดีโดนใจ – จากปริมาณข้อมูลที่มีอยู่มากมาย อีกทั้งผู้บริโภคมีข้อจํากัดในเรื่องเวลาและความสามารถในการบริโภคข้อมูล ภาคธุรกิจต้องสร้างสรรค์เนื้อหาในการสื่อสารกับกลุ่มตลาดอย่างมีศักยภาพ ตรงใจ ตรงความต้องการ
2.Engagement with Faith การเข้าถึงด้วยความเชื่อ - จากข้อมูลพบว่าคนไทยในทุกกลุ่มมีความเชื่อเป็นพื้นฐาน ดังนั้นหนึ่งในการเข้าถึงผู้บริโภคได้คือสร้างผสมผสานความเชื่อ
3.Reliable Data ข้อมูลที่เชื่อถือได้ – ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะตัดสินใจเชื่อข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้
4.Trust in Community ความเชื่อในสิ่งเดียวกัน – ผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นมีความเชื่อมั่นในกลุ่มที่เต็มไปด้วยข้อมูลจากคนที่มีความเชี่ยวชาญและสนใจในเรื่องเดียวกัน
5.Agility ต้องมีความคล่องตัว – ในยุคที่อะไรก็มีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการทำงานอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว เพื่อให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างฉับไวในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
6.Influencer Leading ใช้บุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิด - ปัจจุบันการที่จะทําให้ผู้บริโภคนั้นมั่นใจและตัดสินใจได้แน่นอนมากขึ้น การมีกระบอกเสียงหรืออินฟลูเอนเซอร์คอยรีวิวหรือแนะนําก็จะช่วยทําให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้ง่ายอีกทางหนึ่ง และ
7.New Equilibrium ความสมดุลใหม่ - ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องคำนึงอยู่บนพื้นฐานของความสมดุล ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารของแบรนด์ผ่านตัวแบรนด์เอง การใช้ Key Opinion Leader (KOL) หรือรีวิวการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ใช้ผู้บริโภคเอง (User-Generated Content)
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS