BEAUTYปรับใหญ่

บิวตี้ คอมมูนิตี้ มองธุรกิจครึ่งปีหลังเริ่มฟื้น ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ “Business Re-engineering” จับมือพันธมิตรจีนพัฒนาสินค้าใหม่ มาร์จิ้นสูง หวังปีนี้รายได้เกิน900 ล้านบาท

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) เปิดเผยว่ บริษัทคาดแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังสถานการณ์คลายล็อคดาวน์ ทำให้สามารถเปิดสาขาร้านค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าได้ตามปกติ พร้อมปรับปรับกลยุทธ์ Business Re-engineering ปรับแนวทางบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งระบบ ควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการบริหาร คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาดีขึ้นภายในปลายปีนี้ มีรายได้มากกว่า 900 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นมากว่า 50 %

สำหรับแผนปรับกลยุทธ์ตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง อาทิ อีคอมเมิร์ซ ช่องทางสินค้าอุปโภค สินค้าประจำวัน (Consumer Product) กลุ่มสินค้า Fast Moving Consumer Goods ( FMCG ) เจาะกลุ่มผู้ค้าส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่( Local Distributor ) พร้อมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ที่หลากหลาย เพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้าควบคู่กัน โดยสามารถซื้อขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัทอีคอมเมิร์ซและระบบแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ชั้นนำต่างๆ

พัฒนาโมเดลการขายใหม่ อาทิ “บิวตี้ออนไลน์ช็อป” ลูกค้าที่เคยใช้บริการที่สาขาให้สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้ทันที ทุกสาขาจะมีช่องทางการสั่งซื้อสินค้าทั้งหน้าร้านสาขา(Offline Store) และผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้ง 2 รูปแบบ รวมทั้งสร้างโมเดลธุรกิจที่หลากหลายร่วมกับพันธมิตรที่เป็นแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าช่องทางจำหน่ายออนไลน์จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 50% ในปีนี้

ช่องทางร้านค้าปลีก (Retails) บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และลดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต โดยปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์เข้ามาทดแทน เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในวงกว้าง และไม่มีข้อจำกัด ซึ่งบริษัทเชื่อว่านโยบายดังกล่าว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต

สำหรับธุรกิจภาคการส่งออก ประเทศจีนปัจจุบันเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วหลังจากเปิดเมือง แต่อยู่ในระดับเพียง 50% ของยอดขายปกติ คาดว่าภายในไตรมาส 4/63 จะเริ่มเห็นยอดขายและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศจีนและประเทศในการปกครองเช่น ฮ่องกง อย่างไรก็ตามบริษัทมีการปรับแผนออกสินค้าใหม่ที่มีกำไรดีมาชดเชยยอดขายที่ลดลง และร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดในไตรมาส 3 เรียบร้อยแล้ว

นายแพทย์สุวิน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัทยังโฟกัสช่องทางจำหน่ายกลุ่มประเทศคลายล็อคดาวน์ กลุ่มประเทศในเขต (South East Asia) อาทิ กัมพูชา เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย แม้จะมีคำสั่งซื้อบ้างแต่ยังติดเรื่องระบบการขนส่ง การปิดด่านผ่านทาง คาดว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้น เพราะสินค้าไทยและสินค้า BEAUTY ยังคงมีความต้องการหลังสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งบริษัทมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่าย สนับสนุนด้านการตลาดและสินค้าเพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจตามสถานการณ์ที่ปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2 มีรายได้รวม 128.93 ล้านบาท ลดลง 52.30% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 270.32 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 61.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.63% จากไตรมาสก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 39.68 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2563 บริษัทมีรายได้รวม 399.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,080.34 ล้านบาท ลดลง 63.04% และมีขาดทุนสุทธิ 101.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 116.32 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทดำเนินการลดค่าใช้จ่ายทำให้ค่าใช้จ่ายภาพรวมของบริษัท ( SG&A )ในไตรมาส 2 เท่ากับ 137.58 ล้านบาทลดลง 47.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 262.37 ล้านบาท หรือลดลง 26.66% จากไตรมาส 1ปีเดียวกัน เท่ากับ 187.58 ล้านบาท


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment