EPGยังมีกำไร

อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ปเผยไตรมาสแรก ปี 63/64 (เม.ย.-มิ.ย.63) มีรายได้จากการขาย 1,952 ล้านบาท กำไรสุทธิ 75 ล้านบาท

รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ปี 63/64 (เม.ย.63 – มิ.ย.63) บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,952.2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,672.4 ล้านบาท หรือลดลง 27.0% แม้ยอดขายลดลงแต่สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 28.9% และมีกำไรสุทธิ 74.6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 215 ล้านบาท หรือ ลดลง 65.3% ซึ่งการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ EPG ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 เป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในปีบัญชี 63/64 (เม.ย.63 - มี.ค.64) หากสถานการณ์ดีขึ้นและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดี EPG จะสามารถกลับสู่การเติบโตใกล้เคียงกับสภาวะปกติได้โดยเร็ว ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายที่ 9,000 ล้านบาท รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28-30%

สำหรับกลุ่มธุรกิจ EPG ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 635.4 ล้านบาท หรือ ลดลง 16.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์ของฉนวนแอร์โรเฟลกซ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่มียอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างปรับลดลงจากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อีกทั้งเกิดความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มียอดขายรวม 751.6 ล้านบาท หรือ ลดลง 41.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่ายรถยนต์หลายแห่งในประเทศประกาศหยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2563 จึงทำให้กลุ่มลูกค้า OEM (Original Equipment Manufacturer) ได้รับผลกระทบพอสมควร แต่แอร์โรคลาส ไม่ได้ผลิตเพื่อส่งลูกค้ากลุ่ม OEM เพียงเท่านั้น แต่ผลิตสินค้าขายให้กับลูกค้ากลุ่ม After Market และโชว์รูมรถยนต์ด้วย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการติดตั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ได้แก่ พื้นปูกระบะ (Bed Liner) หลังคารถกระบะ (Canopy) เป็นต้น สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลง และความล่าช้าจากการขนส่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ และธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย มียอดขายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามในเดือนมิถุนายน 2563 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มียอดขายรวม 565.1 ล้านบาท หรือ ลดลง 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ผลกระทบจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศลดลง ทำให้ยอดขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถ้วยน้ำดื่มลดลง แต่ได้รับประโยชน์จากบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภท กล่องใส่อาหารชดเชยบางส่วนจากการที่ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 27.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 18.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อีกหนึ่งประเด็นที่ส่งผลกระทบกับกำไรสุทธิของบริษัท คือบริษัทได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน TFRS 9 และTFRS 16 มีผลต่อการจัดประเภทรายการใหม่และการวัดสินทรัพย์ทางการเงินและหนี้สินทางการเงิน โดยบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและ ขาดทุนอื่น เป็นจำนวน 17.9 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ที่ 20.7 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทร่วมทุนที่ผลิตสินค้าเพื่อขายให้อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการแพร่ระบาดของโรค Covid-19


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment