SINGERกำไรนิวไฮ

ซิงเกอร์เผยกำไรครึ่งแรกปี 63 โต 119.6% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บ./หุ้น

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรก 2563 (มกราคม - มิถุนายน 2563) มีกำไรสุทธิ 202 ล้านบาท เติบโต 110 ล้านบาท หรือคิดเป็น 119.6 % จากงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 92 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในรอบ 23 ปี และเติบโตกว่าปี 2562 ทั้งปีที่ทำได้ 165.89 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 438 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.1% มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 45.4% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.7%

ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2563 ที่โดดเด่นต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63 ล้านบาท หรือคิดเป็น 121.2 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 52 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 238 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.9 % โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น พอร์ตสินเชื่อรถทำเงินเติบโต และการบริหารจัดการภายในที่ดีเยี่ยม ผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ สนับสนุนการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีลูกหนี้จำนำทะเบียนรถเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,861 ราย ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 2,159 ล้านบาท โต 19.3% จากสิ้นไตรมาส 1/2563 และตั้งเป้าหมายจะปล่อยสินเชื่อรถทำเงินในปีนี้ 3,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นเท่าตัวจากพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินปีก่อนรวมที่ 1,500 ล้านบาท เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ ด้วยระดับ NPL อยู่ที่ระดับไม่ถึง 1% และไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจาก ปัจจุบันดอกเบี้ยรถทำเงินอยู่ที่ 16% ไม่เกินจากที่กำหนดไว้ที่ 24% ทั้งยังมองเป็นโอกาสของลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตคู่แข่งที่อัตราดอกเบี้ยสูง สามารถรีไฟแนนซ์ (Refinance) มาใช้บริการสินเชื่อทะเบียนรถซิงเกอร์ที่มีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่า

นายกิตติพงศ์ กล่าวเสริมอีกว่า เป้าพอร์ตสินเชื่อรวมปีนี้วางไว้จะเติบโตแตะ 5,800 ล้านบาท จากปีก่อนมีพอร์ตสินเชื่อรวมกว่า 3,600 ล้านบาท หรือโตกว่า 61% มั่นใจจะเป็นไปตามเป้าหมาย ควบคู่การบริหารจัดการภายในที่ดี นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนการอนุมัติสินเชื่อ เข้าสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ทำให้ครึ่งปีแรกภาพรวมการเก็บหนี้ยังทำได้ดี การตั้งสำรองอยู่ในระดับปกติ สนับสนุนให้ต้นทุนของบริษัทฯ ลดลง และภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ( NPL) ลดลงอยู่ที่ 6.49% ดีกว่าเป้าหมายวางไว้ที่ 7% และจากไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ระดับ 8.1%


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment