STGTเพิ่มกำลังผลิต รับออเดอร์ทั่วโลกพุ่ง

ศรีตรังโกลฟส์ เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรับดีมานด์ทั่วโลกพุ่ง พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตถุงมือยางอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการรักษาการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งจะเน้นเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางธรรมชาติและรักษาสัดส่วนผลิตถุงมือยางไนไตรล์ที่ใช้น้ำยางสังเคราะห์เป็นวัตถุดิบอย่างเหมาะสม รวมถึงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนขยายตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ ทวีปเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ แอฟริกา อเมริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขและสุขอนามัย ดังนั้นอัตราการบริโภคถุงมือยางเฉลี่ยต่อคนต่อปีจึงมีโอกาสเพิ่มขึ้นในอนาคต โดย STGT จะใช้จุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งของโรงงานในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์การเพาะปลูกยางพาราและโรงงานผลิตน้ำยางข้นของกลุ่ม STA ที่เป็นวัตถุดิบหลักเพื่อสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตและซัพพลายเชน

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมถุงมือยางทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาเติบโตมาตลอด โดยสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางแห่งมาเลเซีย (MARGMA) ประเมินความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านชิ้น เติบโตเฉลี่ย 12.2% ต่อปี นับจากปี 2559 ที่มีความต้องการใช้ 212,000 ล้านชิ้น ซึ่งมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมทางการแพทย์และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยของคนทั่วโลก นอกจากนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่สำคัญในการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย ห้องแล็บและตรวจรักษาโรค

ปัจจุบัน เชื่อว่า บริษัท เป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตถุงมือยางที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 รวมทั้งสิ้น 27,153 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงาน 3 แห่ง ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานีและตรัง และในระยะยาววางแผนขยายกำลังการผลิตเป็น 2 ระยะ โดยเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็นประมาณ 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2568 และก้าวสู่ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2575 นอกจากนี้ได้นำระบบการผลิตสินค้าแบบอัตโมนัติ (Automation) มาใช้ภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น การเตรียมและผสมวัตถุดิบแบบอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับของเสียด้วยเซ็นเซอร์, ระบบเครื่องถอดถุงมืออัตโนมัติ เป็นต้น

นางสาวธนวรรณ เสงี่ยมศักดิ์ ผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,224.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.3% และมีกำไรสุทธิ 613.91 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดใหม่ๆ อาทิ ประเทศอินเดีย แอฟริกาใต้ ประเทศในแถบละตินอเมริกา ฯลฯ และการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีรายได้รวม 3,873.28 ล้านบาท เติบโต 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 421.89 ล้านบาท เติบโต 184.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยมาจากการขยายกำลังการผลิต รวมไปถึงความต้องการใช้ถุงมือยางที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังเกิดโรคระบาด COVID-19 ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องเร่งการผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ล่าสุดได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย โดยปัจจุบัน บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) มีทุนจดทะเบียน 1,434,780,000 บาท คิดเป็นจำนวน 1,434,780,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 990,000,000 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 444,780,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 31 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment