{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
“สันติ” รมช.คลังสั่งเร่งยกเครื่องไอแบงก์ หนุนเศรษฐกิจฐานราก ขยายสาขาภาคใต้ทุกอำเภอสร้างอาชีพพี่น้องมุสลิม โชว์กำไรไตรมาสแรกปี 2563 กว่า 63 ล้านบาท
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ว่า ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องปรับบทบาทใหม่เพื่อให้ชาวมุสลิมสามารถเข้าถึงการบริการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธนาคารมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยจะต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ชาวมุสลิมมีความมั่นคงในชีวิต ปล่อยสินเชื่อในทุกเซ็กเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างงาน โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับอาหารฮาลาล ส่งเสริมฮาลาลในกลุ่ม SMEs รายย่อย เพื่อสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตและพัฒนามากขึ้น ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชาวมุสลิม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐตามบทบาทและภารกิจใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
การส่งเสริมการพัฒนาอาชีพให้กับชาวมุสลิม ไอแบงก์ยังสามารถร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Bank ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาอาชีพ เช่น ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช พัฒนาวิสาหกิจชุมชน สนับสนุนเยาวชนอายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถรวมกลุ่มประกอบอาชีพ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเข้าไปดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ รวมทั้งไอแบงก์ยังสามารถปล่อยสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อให้กับธุรกิจ SMEs หรือ วิสาหกิจชุมชน ในการนำไปต่อยอดทางธุรกิจ หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียน ผ่านการร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะชาวมุสลิม ที่ถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้อยากให้ผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยไปเร่งดำเนินการ เพิ่มสาขาในภาคใต้ที่ยังมีน้อย ขณะนี้มีสาขาในภาคใต้อยู่เพียง 40 สาขา จากทั่วประเทศ 100 สาขา ดังนั้นควรขยายสาขาในภาคใต้ให้ครบทุกอำเภอ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือชาวมุสลิมที่ส่วนใหญ่อาศัยภาคใต้จำนวนมาก ตามนโยบายและภารกิจที่ตั้งไว้ โดยเชื่อว่าหากทำได้ตามนโยบายที่วางไว้จะทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศและประเทศในตะวันออกกลาง และในอีกหลายประเทศที่อยากช่วยชาวมุสลิมมาร่วมลงทุนกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ช่วยทำให้ธนาคารเข้มแข็งขึ้น จะได้ไม่ต้องพึ่งพาการเพิ่มทุนจากรัฐบาลในอนาคต
อย่างไรก็ตามหากไปดูโครงสร้างสินเชื่อและเงินฝาก ยังมีสัดส่วนของลูกค้าชาวมุสลิมน้อยมาก โดยใน เดือนมีนาคม สินเชื่อกว่า 54,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ลูกค้ารายใหญ่จำนวน 27,174 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 19 ลูกค้า SMEs จำนวน 7,825 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 14 และลูกค้า Retail จำนวน 19,930 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 37 เมื่อแบ่งสัดส่วนลูกค้าสินเชื่อทั้งหมดจำนวน 37,844 ราย พบว่า เป็นลูกค้ามุสลิมจำนวน 12,215 รายสัดส่วนร้อยละ 32 และส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าไม่ใช่ชาวมุสลิมจำนวน 25,629 ราย สัดส่วนร้อยละ 68
สำหรับเงินฝากส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ร้อยละ 46 วงเงิน 36,686 ล้านบาท ลูกค้ารายกลางร้อยละ 21 วงเงิน 1,600 ล้านบาท และลูกค้าย่อยร้อยละ 33 วงเงิน 26,364 ล้านบาท โดยธนาคารมีลูกค้าเงินฝากประมาณ 890,000 ราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 58 เป็นลูกค้าที่เป็นมุสลิม หรือประมาณ 513,089 ราย และเป็นลูกค้าไม่ใช่มุสลิมร้อยละ 42 หรือ 376,740 ราย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS