{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย เตรียมปรับธุรกิจเอทานอลเป็นผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อส่งออกไปตลาดโลก ส่วนผลประกอบการโดดเด่น กำไรขั้นต้น 22%
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนต่อยอดธุรกิจธุรกิจผลิตเอทานอลมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ทั้งแอลกอฮอล์และเจลล้างมือ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ทำให้ความต้องการแอลกอฮอล์ เพื่อทำผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับแผนการลงทุนในระยะต่อไปของ NPS บริษัทมีแผนร่วมลงทุนกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) ในสัดส่วน 65% : 35% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ขนาด 560 MW ใช้เงินลงทุนรวม 23,063 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งสองสัญญามีระยะเวลา 25 ปี คาดว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างในปี 2025 และเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2027
นอกจากนี้ NPS ยังมีแผนเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนทั้งแบบทั่วไปและแบบ Quick Win ในปี 2563 โดยคาดว่าจะเปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภท รวม 700 เมกะวัตต์
โดยในปี 2563 แม้ว่าธุรกิจของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 บ้างเล็กน้อย แต่ยังมั่นใจว่าด้วยระบบการบริหารจัดการ และประสิทธิภาพในการผลิตของทั้ง 3 ธุรกิจหลักที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาจนทำให้การดำเนินธุรกิจมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน บริษัทจะยังคงรักษาระดับผลประกอบการที่ดีได้ต่อเนื่อง และจะมีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการผ่อนชำระหนี้ตามแผนงานที่วางไว้
ทั้งนี้บริษัทได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์หลักของบริษัท ที่จะพิจารณาให้สินเชื่อระยะยาวเพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับภาวะความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นกู้ เนื่องจากความกังวลของนักลงทุน เกี่ยวกับผลกระทบจาก COVID-19 ที่อาจมีต่อบริษัทผู้ประกอบการที่จะออกหุ้นกู้ อนึ่ง บริษัทฯ คาดว่า ณ ปลายปี 2020 ยอดหนี้สินเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกู้ของบริษัทจะลดลงจากปลายปี 2019 อีกประมาณ 1,300 ล้านบาท”
อนึ่ง ผลประกอบการในในปี 2562 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 15,506 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นถึง 22% และมีกำไรสุทธิที่ 1,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากปี 2018
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS