ฟังกัปตันชี้แจงเที่ยวบิน TG971 ซูริค สุวรรณภูมิ เบื้องหลังการดีเลย์ ใครผิด??

ฟังความให้รอบด้าน กรณีการบินไทย TG971 ซูริค สุวรรณภูมิ 11 ตุลาคม 2561

ทางด้านกัปตันเที่ยวบินดังกล่าวชี้แจงว่า

เมื่อลูกเรือและนักบินมาถึงเครื่อง กัปตันได้ทราบว่า นักบิน passive ได้ที่นั่ง 16AB/16JK ซึ่งไม่ตรงกับคู่มือ กัปตันจึงได้โทรถามนายสถานีการบินไทย (KK) ถึงเรื่องการจัด ที่นั่งและขอให้เปลี่ยนที่นั่งของกัปตัน passive ให้อยู่ในโซนเฟิร์สคลาส เนื่องจากไฟลท์นี้มีบริการ แค่ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด จึงควรมีที่ว่างให้กัปตัน passive ใช้ที่นั่งในโซนเฟิร์สคลาสได้ ตามสิทธิ

เมื่อได้รับคำตอบจากนายสถานีการบินไทยว่า “ที่นั่งเฟิร์สคลาสเต็มแล้ว” กัปตันจึงรู้สึกแปลกใจ เพราะตอนบรี๊ฟก่อนทำงานทราบว่ามีผู้โดยสารชั้นธุรกิจ ได้ที่นั่ง เฟิร์สคลาสเพียง 3 และเพิ่มเป็น 7 ที่นั่งตามลำดับเวลา แต่กัปตันไม่แน่ใจว่ามี booking ผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่ได้นั่งเฟิร์สคลาสเพิ่มเข้า มาหรือมีการอัพเกรดผู้โดยสารหรือมีเหตุผลอื่นใดที่นายสถานีการบินไทยไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ กัปตันจึงขอให้นายสถานีการบินไทยอย่าเพิ่งให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ขอให้แก้ปัญหาตรงนี้ก่อน เพราะหากผู้โดยสารขึ้นเครื่องมาแล้วต้องมีการสับเปลี่ยนที่นั่งภายหลัง จะทำให้แก้ปัญหาภายใน เครื่องยุ่งยากกว่าเดิม แต่นายสถานีการบินไทยก็ยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนที่นั่งให้ผู้โดยสาร และตอบว่า “กัปตัน passive แค่นอนกลับ ผู้โดยสารมีค่ามากกว่า” และกล่าวต่อว่า “เดี๋ยวผู้โดยสารจะร้องเรียน”

หลังจากนั้นกัปตันก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากพนักงานภาคพื้นอีกเลยจนเวลาผ่านไปอีก 50 นาที จนเลยเวลาเครื่องออก นายสถานีการบินไทยจึงเดินมาหน้าห้องนักบินเป็นครั้งแรกและบอกว่า “ผู้โดยสารพร้อมแล้ว” กัปตันจึงถามว่า “จัดการที่นั่งเรียบร้อยหรือยัง” ก็ได้รับคำตอบว่า “ทำไม่ได้” และไม่มีคำอธิบายใดๆที่จะให้เข้าใจได้มากขึ้น กัปตันจึงบอกว่า “ก็ยังไม่ต้องให้ ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง” นายสถานีการบินไทย จึงพูดเสียงดังว่า “งั้นก็ต้องจอดเครื่องบิน (AOG) เข้าโรงแรมนอนให้หมด” กัปตันบอกทางนักบินทุกคนก็ตกใจ และงงกับคำพูดของ นายสถานีการบินไทย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พูดอย่างนั้นได้อย่างไร

เวลาผ่านไปอีก 30 นาที นายสถานีการบินไทยก็เดินมาพูดหน้าห้องนักบิน โดยบอกกัปตันว่า “ให้โทรกลับไปหาหัวหน้านักบิน กัปตันณัฐชัยด้วย” แล้วเดินจากไป ระหว่างนั้นกัปตันและนักบิน หลายคนในห้องนักบินได้พยายามเชิญ นายสถานีการบินไทย ให้มานั่งคุยแต่นายสถานีการบินไทย ก็ปฏิเสธ

เวลาผ่านไปอีก 30 นาที นายสถานีการบินไทย เดินมาแจ้งกัปตันอีกครั้งว่า “กัปตันไปแจ้งเหตุผล แก่ผู้โดยสารหน้าเกทเอง” อีก 10 นาทีต่อมา นายสถานีการบินไทยเดินมาพูดว่า “มีแต่กรรมการ ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้นเท่านั้นที่จะบอกให้ผมย้ายที่นั่งผู้โดยสารได้”

เวลาผ่านไปอีก 10 นาที เจ้าหน้าที่ภาคพื้นผู้หญิงเข้ามาแจ้งว่า นายสถานีการบินไทย กำลังคุยกับ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น อีก 15 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ภาคพื้นก็เข้ามาแจ้งว่า ทุกอย่างเรียบร้อย จึงให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องซึ่งแล้วเสร็จภายใน 20 นาที กัปตันจึงดำเนินการ ขออนุญาตทำการบินต่อไปและเครื่องบินจอดมาถึงกรุงเทพเวลา 00.06 น.

ผู้จัดการเที่ยวบินอาวุโสเที่ยวบินเดียวกันชี้แจงว่า

เมื่อนักบิน ลูกเรือ นักบินสำรอง เดินทางมาถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่ภาคพื้นได้แจ้งว่าหมายเลขที่นั่ง คือ 16A 16B 16J และ 16K ผู้จัดการเที่ยวบินอาวุโสจึงได้ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับนักบินที่ passive เป็น เฟิร์สคลาสที่ว่างอยู่ แต่ได้รับคำตอบว่า ที่นั่งดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้โดยสารไปแล้ว

กัปตันที่ทำหน้าที่ในเที่ยวบินนั้นจึงติดต่อนายสถานี ขอให้เปลี่ยนที่นั่งให้เป็น เฟิร์สคลาส 2 ที่สำหรับนักบินที่ passive และขอไม่ให้ปล่อยผู้โดยสารขึ้นเครื่องเพราะรู้ดีว่าถ้าผู้โดยสาร ขึ้นเครื่องแล้ว การเปลี่ยนที่นั่งจะทำได้ยาก

แม้จะเลยกำหนดการเดินทางไปแล้ว แต่การประสานงานยังไม่เสร็จสิ้น จนกระทั่งเวลา 11.00 UTC ผู้จัดการเที่ยวบินอาวุโสจึงประสานเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินให้ทำตามที่กัปตันเที่ยวบินนี้ขอ เพราะเกรงว่าจะเกิดความล่าช้า

เมื่อเวลา 15.15 น. เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินแจ้งว่าเปลี่ยนที่นั่งให้กับผู้โดยสารเรียบร้อย จึงเริ่มรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง

ผู้จัดการเที่ยวบินอาวุโส ได้แจ้งกับผู้โดยสารทั้งสองคือนายศักดาและนางยุวรีย์ พันธ์กล้า ที่ต้องย้ายจากที่นั่ง 1K และ 2K ไปนั่งที่ 16A และ 16B ว่า การเปลี่ยนที่นั่งครั้งนี้เป็นการเปลี่ยน ให้ผู้โดยสารไปนั่งในชั้นธุรกิจที่ตรงกับตั๋วของผู้โดยสาร ไม่ใช่การลดชั้นบริการ เพราะเที่ยวบินนี้ ไม่ได้มีการขายตั๋ว เฟิร์สคลาสเพราะเครื่องลำเดิมไม่มี เฟิร์สคลาส

ผู้โดยสารแจ้งกับผู้จัดการเที่ยวบินอาวุโสว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินว่า “นักบินต้องการ ที่นั่งของท่าน ถ้าไม่เปลี่ยนที่นั่งเครื่องจะออกไม่ได้ และขอร้องผู้โดยสารท่านอื่นแล้วไม่มีใครยอม เปลี่ยน”

ผู้จัดการเที่ยวบินอาวุโสได้สอบถามผู้โดยสารอื่นอีก 7 คนในโซนเฟิร์สคลาส แต่ปรากฎว่าไม่มี ผู้โดยสารคนใดได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน

ผู้โดยสาร นายศักดา และนางยุวรีย์ พันธ์กล้า ร้องเรียนการบินไทยสรุปความได้ว่า

พวกเขาซื้อตั๋วชั้นธุรกิจ ในวันเดินทางมีการประกาศว่ามีการล่าช้ากว่ากำหนดและยังไม่มีกำหนด การบินที่ชัดเจนจนกระทั่งเวลา 15.00 น. มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเชิญนายศักดาและภรรยามาคุย จึงได้ทราบถึง ปัญหาของความล่าช้าว่ามีคณะนักบินที่จะโดยสารเครื่องบินเที่ยวนี้กลับไทยด้วย และนักบินต้องการที่นั่งในตำแหน่งที่เขาและภรรยาได้ทำการจองมา เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินจึงเดินมา ขอร้องให้เขา และภรรยาเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งที่อื่น เพราะไปขอผู้โดยสารท่านอื่นแล้วไม่มีใครยอมให้

เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินยังแจ้งเพิ่มเติมอีกว่าถ้าพวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนที่ให้นักบินที่จะโดยสารไปด้วย นักบินประจำเครื่องก็จะไม่ยอมบิน เขาและภรรยาจึงยอมที่จะทำการเปลี่ยนที่นั่งที่จองไว้ตั้งแต่ เริ่มต้นซื้อตั๋ว เพราะถ้าพวกเขามิยอมให้ที่นั่งก็จะเกิดความล่าช้าต่อไปเรื่อยๆ และเห็นใจผู้โดยสาร คนอื่นๆที่ได้รับความเดือดร้อนในเที่ยวบินนี้เช่นกัน

นายศักดาได้รับการติดต่อจากคุณมนัสนันท์ สิทธิจิรสิน กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น (DK) ทางโทรศัพท์มาขอโทษและเสนอการให้สิทธิพิเศษของการบริการให้แก่เขาและภรรยา ในครั้งต่อไป ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในการแสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้า


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment