MPI พ.ย. 68 หดตัวที่ร้อยละ 4.24 รับผลกระทบชายแดน-น้ำท่วม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ระดับ 90.54 หดตัวร้อยละ 4.24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมครั้งใหญ่ เงินบาทแข็งค่ากระทบความสามารถในการแข่งขันด้านราคาส่งออก สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชากระทบการค้าชายแดน น้ำท่วมภาคใต้และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง ชี้ 5 อุตสาหกรรมดาวเด่น และ 5 อุตสาหกรรมที่ต้องเร่งปรับตัว รับมือความท้าทายในปี 2569

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ระดับ 90.54 หดตัวร้อยละ 4.24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 55.49 เนื่องจากการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเลียมลดลงจากการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ เงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้นและกระทบความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของไทย ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ส่งผลให้ภาคการผลิตในพื้นที่ต้องหยุดผลิตชั่วคราว และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากระทบการค้าชายแดน โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันปิโตรเลียม และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น เนื้อไก่แช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป รองเท้า เบียร์ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2568 ได้แก่ การผลิตรถยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากผู้ประกอบการต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อชดเชยการนำเข้าในปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 และมาตรการสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน เป็นต้น

ด้านระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนธันวาคม 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลงและมีภาวะต้องเฝ้าระวังโดยปัจจัยด้านการลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูงต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคในประเทศได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลงตามการส่งออกของจีนและออสเตรเลียที่ขยายตัว ขณะที่การผลิตของสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียนยังคงต้องเฝ้าระวัง

“สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมในปี 2569 สศอ. ประเมินว่าอุตสาหกรรมดาวเด่นยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตตามตลาด AI และ IoT อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน (xEV) ที่ขยายตัวตามความต้องการตลาด มาตรการ EV3.0 และ EV3.5 ประกอบกับเงื่อนไขการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (HDD) ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิต HDD ความจุสูงเพื่อรองรับ Data Center ตลอดจนกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์สำเร็จรูปที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบและมาตรฐานการผลิต สามารถตอบสนองความต้องการบริโภคและตลาดสัตว์เลี้ยง ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมที่ต้องเร่งปรับตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน สิ่งทอ และเฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ ซึ่งกำลังเผชิญทั้งแรงกดดันจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ภาระหนี้ครัวเรือน การทะลักของสินค้านำเข้า ต้นทุนการผลิตที่สูง และมาตรการด้านภาษีและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ทำให้จำเป็นต้องปรับตัวเชิงโครงสร้างเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว” นายศุภกิจ กล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤศจิกายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 40.79 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตามปริมาณผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากปริมาณฝนและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.40 จากผลิตภัณฑ์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ และ IC เป็นหลัก ตามการเติบโตของตลาเซมิคอนดักเตอร์โลก

น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 165.52 จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบมากขึ้นกว่าปีก่อนเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และราคาอ้อยในฤดูกาลผลิต 2566/67 มีราคาสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤศจิกายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.52 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และน้ำมันเครื่องบิน เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่

เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.66 จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว และมีสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน

ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.35 จากผลิตภัณฑ์ถุงมือยางทางการแพทย์ และยางแท่ง เป็นหลัก ตามปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดลดลงจากอุทกภัยทางภาคใต้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment