{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดย นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. ได้มอบหมายให้นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และคณะ ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อเร่งรัด ติดตาม และกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือ ผู้เอาประกันภัยเพื่อเร่งฟื้นฟู หลังหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากอุทกภัย ส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และ การประกอบกิจการของประชาชนจำนวนมาก
นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ กล่าวว่า ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ.จากส่วนกลาง ได้เดินทางเข้าพบ ผู้เอาประกันภัย และผู้บริหารบริษัทประกันภัย ณ ที่ทำการในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเพื่อรับทราบข้อมูล ความเสียหาย ปัญหาอุปสรรคและได้ให้ข้อเสนอแนะแนวทาง โดยกำหนดมาตรการดูแลผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยในที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทน การเพิ่มทีมตรวจสอบ ความเสียหายเชิงรุก การจัดทำข้อมูลรายงานความคืบหน้าแบบรายวัน โดยขอให้พิจารณาชดใช้กรณีที่ประเมินแล้วเป็น ความเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss) แบบเร่งด่วน ดังนี้

1) กรณีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้บริษัทดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7 วัน
2) กรณีกรมธรรม์อัคคีภัยและความเสี่ยงภัยทรัพย์สินที่ให้ความคุ้มครองน้ำท่วม ที่บริษัทสามารถประเมินค่าเสียหายได้ว่าเสียหายเกินกว่าทุนที่รับประกันภัยไว้ ให้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 3 วัน
ส่วนกรณีเสียหายบางส่วน สำหรับรถยนต์ที่ต้องจัดซ่อมนั้น ได้กำชับให้บริษัทประกันภัยดูแล การเคลื่อนย้าย การจัดหาอู่ซ่อมและการทำความเข้าใจกับประชาชนในระยะเวลาการจัดซ่อมเพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทในอนาคต สำหรับการประกันภัยทรัพย์สินอื่นขอให้มีการผ่อนผันการนำส่งเอกสาร หรือขั้นตอนบางรายการ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยเข้าถึงสิทธิได้สะดวกยิ่งขึ้นเพื่อให้การจ่าย ค่าสินไหมทดแทนและการช่วยเหลือด้านประกันภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ภายหลังจากการเข้าตรวจเยี่ยมบริษัทประกันภัยหลายแห่งแล้ว รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ ได้เดินทางไปพบกับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 2 แห่ง โดยแห่งแรกประกอบธุรกิจร้านขายส่งสินค้าเพื่อทำอาหารและเบเกอรี่ มีโกดังเก็บสินค้า จำนวน 15 โกดัง ซึ่งได้จัดทำประกันอัคคีภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมด้วย โดยมีทุนประกันภัยกรณีน้ำท่วมรวมทั้งหมด 4.7 ล้านบาท และแห่งที่สองประกอบธุรกิจ ร้านขายรองเท้าขนาด 2 คูหา ในตลาดกิมหยง ซึ่งมีสต๊อกรองเท้าได้รับความเสียหายกว่าหนึ่งแสนคู่ โดยได้จัดทำประกันอัคคีภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วม มีทุนประกันภัยกรณีน้ำท่วมจำนวน 4 แสนบาท ซึ่งภายหลังจากอุทกภัยผู้เอาประกันภัย ทั้งสองรายได้เข้ายื่นเอกสารเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อบริษัทประกันภัย ซึ่งบริษัทประกันภัยดังกล่าวได้ดำเนินการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว ภายใต้กรอบการดำเนินการที่สำนักงาน คปภ. กำหนด

อย่างไรก็ตาม ได้ทราบจากผู้ประกอบการทั้งสองรายว่าในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผู้ประกอบธุรกิจ (SMEs) จำนวนมาก ยังไม่มีประกันภัยเพื่อคุ้มครองธุรกิจของตน ซึ่งสำนักงาน คปภ. เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จากประสบการณ์น้ำท่วมปี 2554 จึงได้ริเริ่มผลักดันโครงการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่ผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนเชิงรุกโดยตลอดมาทุกปี เพื่อให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งจะช่วยให้ ภาคธุรกิจสามารถนำระบบประกันภัยมาบริหารความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงให้แก่กิจการได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากผู้ประกอบการ SMEs มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร การผลิต ค้าปลีก-ค้าส่ง การท่องเที่ยว รวมถึงภาคการขนส่ง อีกทั้งยังสนับสนุนให้ธุรกิจประกันภัยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับบริบทของ แต่ละจังหวัด เพื่อให้ตอบโจทย์ความเสี่ยงของประชาชนและผู้ประกอบการได้จริง ดังนั้น พื้นที่หาดใหญ่และจังหวัดโดยรอบ คงจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะดำเนินโครงการนี้ในปีหน้าด้วย
นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ เน้นย้ำว่า สำนักงาน คปภ. ได้ทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ และภาคธุรกิจประกันภัยต้องทำงานเชิงรุก เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกขั้นตอนโดยการเร่งจ่ายค่าสินไหมทดแทน จะต้องรวดเร็ว โปร่งใส และ เป็นธรรม พร้อมส่งทีมคุ้มครองสิทธิประโยชน์ จากส่วนกลางลงพื้นที่ เพื่อทำงานร่วมกับ สำนักงาน คปภ. ภาค 9 (สงขลา) และร่วมบูรณาการทำงานกับบริษัทประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อคลี่คลายปัญหาและเร่งรัดการช่วยเหลือด้านประกันภัยให้กับประชาชนในพื้นที่โดยเร็วที่สุด

สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ โดยขอเน้นย้ำว่าการ ออกมาตรการทั้งหลายที่ดำเนินการอยู่ เป็นไปเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยได้รับการฟื้นฟูและเยียวยาอย่างรวดเร็วที่สุด พร้อมทั้งกำกับติดตามการปฏิบัติงานของบริษัทประกันภัยทุกแห่งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มาตรการทุกด้านเกิดผลในทางปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างแท้จริง สะท้อนความมุ่งมั่นของสำนักงาน คปภ. ในการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ หากมีปัญหาด้านการประกันภัย สามารถติดต่อ สายด่วน คปภ. 1186 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS