{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

บสย. จับมือ “โตโยต้า ลีสซิ่ง” ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ เพื่อช่วย SMEs รายย่อย กลุ่มเกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ที่อาจมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ สามารถเข้าถึงสินเชื่อซื้อรถกระบะได้ง่ายขึ้น “ปลดล็อก” ธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า บสย. ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ผ่านมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” สำหรับ SMEs ที่ยื่นขอสินเชื่อเช่าซื้อกับ “โตโยต้า ลีสซิ่ง” โดยใช้ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ของภาระหนี้ค้ำประกันในแต่ละปี พร้อมค้ำประกันสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย ตั้งเป้ามาตรการนี้จะช่วย “ปลดล็อก” SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของรัฐบาล เพื่อช่วย SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ เพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร รับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย ฟู้ดทรัค เป็นต้น
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า SMEs และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย มีความสำคัญต่อยอดขายรถยนต์โตโยต้าเป็นอย่างมาก ซึ่งปีนี้ต้องยอมรับว่าตลาดรถค่อนข้างท้าทายมาก แต่ปัจจุบันสถานการณ์ของตลาดกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีห่วงโซ่การผลิตที่ยาวและพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริษัทฯ ที่ใช้ Local Content (การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ) ในสัดส่วนสูง ยกตัวอย่าง “โตโยต้า ไฮลักซ์” ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศสุงสุดถึง 95% ดังนั้น เมื่อยอดขายลดลง จึงส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ และสะท้อนกลับมายังเศรษฐกิจประเทศโดยรวม เนื่องจากภาคยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย

สำหรับตลาดรถกระบะเพื่อการบรรทุก (Pure Pick up) หรือ “รถกระบะตอนเดียว” ปริมาณการขายสะสมเดือนมกราคม – กันยายน อยู่ที่ 107,150 คัน ลดลง 15.3% สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งสร้างความกดดันด้านความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากความร่วมมือในครั้งนี้ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นผ่านการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมยอดขาย และช่วยรักษาความต่อเนื่องของอุตสาหกรรมได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอย่างแท้จริง
“ต้องขอบคุณที่ บสย. เปิดโอกาสให้ Captive Finance ของโตโยต้าได้เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากบริษัทฯ มีการใช้ Captive Finance มากกว่า 60–70%” นายศุภกร กล่าว
นางสาวชื่นกมล ทัพพะรังสี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การมี บสย. เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อ นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าที่อาจมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรฐานของบริษัท สนับสนุนและเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นเจ้าของรถกระบะเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างแท้จริง โดยคาดว่าจากการมี บสย. เข้ามาค้ำประกัน จะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับโตโยต้า ลีสซิ่ง ควบคู่ไปกับการผลักดันยอดการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ให้เติบโตขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยายโอกาสทางธุรกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่ตลาดรถยนต์โดยรวม
นายศรัณย์ ทองธรรมชาติ ประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า การปลดล็อกให้ Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง สามารถเข้าร่วมโครงการกับ บสย. ถือเป็นมิติใหม่ในวงการธุรกิจเช่าซื้อไทย เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถกระบะมาจากสถาบันการเงิน 50% และกลุ่ม Non-Bank 50% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจาก Captive Finance จากความร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมธุรกิจเช่าซื้อ นำสู่การขยายความร่วมมือระหว่าง Non-bank กับ บสย. ไปสู่โครงการอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจให้กลับมาพลิกฟื้นได้
โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นผลจากการการปรับแก้ประกาศกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ซึ่งทำให้ บสย. สามารถขยายการค้ำประกันสินเชื่อไปยังผู้ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-Bank กลุ่ม ลีสซิ่ง ที่ไม่ใช่บริษัทลูกของสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงลีสซิ่งของค่ายรถยนต์ (Captive Finance) ช่วยให้ บสย. ขยายขอบเขตการช่วยเหลือ SMEs รายย่อยได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

สำหรับ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะเพื่อประกอบอาชีพ สามารถติดต่อที่โชว์รูมรถยนต์โตโยต้า ใกล้บ้าน และยื่นขอสินเชื่อกับ “โตโยต้า ลีสซิ่ง” โดยให้ บสย. ค้ำประกัน หรือ ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ที่ LINE OA : @tcgfirst ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS