{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 มีรายได้รวม 400.1 ล้านบาท และกำไรจากการลงทุนสุทธิ 156.9 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูง 92.9% เตรียมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วย 0.1120 บาทต่อหน่วย รับยิลด์สูง 9.8% ลุยต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิมกว่า 93.5% ประกาศปิดจ๊อบรับโอนสินทรัพย์ 2 โครงการใหม่ ภายในเดือนสิงหาคมนี้ เสริมพอร์ตสินทรัพย์แตะ 13,670 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นกองทรัสต์ที่มีทรัพย์สินประเภทคอมมูนิตี้มอลล์มากที่สุดในประเทศไทย
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (เมษายน - มิถุนายน) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล (ALLY) สามารถทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 156.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 140.3 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 400.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% QoQ ที่ทำได้ 381.3 ล้านบาท ด้วยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญในการบริหารทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้น 3.6% QoQขณะเดียวกัน กองทรัสต์ฯ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมทางการตลาดและอีเวนต์ต่างๆ ในศูนย์การค้าภายใต้การบริหาร อาทิ Summer Kid Playland, Education Fun Fair, Teds Play Steam Robotic และ ALLY Green Fest เป็นต้น และยังช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้า ให้เพิ่มขึ้นเกือบ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และส่งผลให้ปริมาณลูกค้าเข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าในไตรมาส 2/2568 กว่า 4.7 ล้านคน
ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 กองทรัสต์มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิประมาณ 164,113 ตารางเมตร และอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 588 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน โดยสามารถรักษาอัตราการต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิม (Renewal Rate) ได้อย่างแข็งแกร่งถึงระดับ 93.5% และทำสัญญากับผู้เช่ารายใหม่อีกกว่า 30 ราย คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 3,500 ตารางเมตร ซึ่งรวมถึงแบรนด์ที่น่าสนใจอย่าง KID’s Box by kidzooona ที่โครงการเพลินนารี่ มอลล์ วัชรพล ขณะเดียวกัน ยังรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ในระดับสูงที่ 92.9% QoQ สะท้อนความแข็งแกร่งของพอร์ตสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร และความมั่นคงของสัญญาเช่าที่ต่อเนื่อง
“ภายใต้การบริหารจัดการทรัพย์สินของกองทรัสต์ฯ จำนวน 14 โครงการ ส่งผลให้สามารถดึงดูดผู้เช่าหลากหลายและรักษาอัตราการเช่าได้ในระดับสูง ซึ่งมาจากการมีทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ อยู่ท่ามกลางแหล่งชุมชน และการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่ว่าจะจัดกิจกรรมหรือการเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ ที่มีกระแสนิยมเข้ามา ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีพื้นที่ชุมชนโดยรอบ ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้ของกองทรัสต์” นายกวินทร์ กล่าว
จากผลการดำเนินงานบนพื้นฐานความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินคุณภาพ กองทรัสต์ฯ จึงพิจารณาจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากผลการดําเนินงานในไตรมาส 2/2568 ที่อัตรา 0.1120 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 97.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ที่ 9.8% เมื่อเทียบกับราคาตลาดของหน่วยทรัสต์ ALLY ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 (4.50 บาทต่อหน่วย) โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคมนี้ และกําหนดการวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิในการรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 1 กันยายน 2568 พร้อมจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 26 กันยายน 2568 และเมื่อรวมกับการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 กองทรัสต์จะจ่ายประโยชน์ตอบแทนที่อัตรารวม 0.2220 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 194.1 ล้านบาท
นายกวินทร์ กล่าวว่า ALLY ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นกองทรัสต์ฯ ที่มีทรัพย์สินประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำที่มากที่สุดในประเทศไทย ล่าสุด เตรียมรับโอนทรัพย์สินใหม่ในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทีเท็น มีมูลค่าลงทุนไม่เกิน 16 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ในทำเลศักยภาพย่านถนนติวานนท์ โดยมีกลุ่มผู้เช่าชั้นนำ ได้แก่ KFC, 7-11 และ Amazon ปัจจุบันมีอัตราการเช่าเต็ม 100% และ โครงการวิลเลจ ฮับ สายไหม บนทำเลถนนสายไหม มูลค่าเข้าลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 30 ล้านบาท ปัจจุบันมีอัตราการเช่ากว่าร้อยละ 97 มีกลุ่มผู้เช่าเป็นผู้ประกอบการร้านค้าชั้นนำ ได้แก่ LOTUS’s go fresh, B-Quick และ Banana IT ภายใต้การบริหารโครงการบริษัท บ้านเศรษฐกิจ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดย่อม ส่งผลให้ปัจจุบันกองทรัสต์ ALLY มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการรวม 16 แห่ง มีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 169,908 ตารางเมตร และส่งผลให้มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 13,670 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพการเป็นกองทรัสต์ประเภทรีเทลที่มีทรัพย์สินชั้นนำที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
ทั้งนี้ ภายหลังจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่เรียบร้อยแล้ว กองทรัสต์ฯ จะรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 3/2568 ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยประมาณการผลตอบแทน (Yield) ในปีแรกกว่าร้อยละ 10 ต่อโครงการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ให้มีโอกาสได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มขึ้น รวมถึงกระจายการจัดหาประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ นับว่าเป็นกองทรัสต์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหากระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ พร้อมโอกาสในการเติบโตระยะยาว
สำหรับแผนการขยายการลงทุนในอนาคต กองทรัสต์ฯ มีแผนการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท เสริมพอร์ตแตะ 1.6 หมื่นล้านบาทภายในปี 2570 รวมถึงการขยายสิทธิการเช่าเพิ่มเติมในโครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 และยังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนสินทรัพย์ใหม่อีก 3 โครงการ คอมมิวนิตี้มอลล์ศักยภาพในแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งที่อยู่อาศัยรอบกรุงเทพฯ ภายในปี 2569
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS