{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำและอาหารสัตว์เศรษฐกิจของไทย รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขาย 1,476 ล้านบาท เติบโต 13.8 เปอร์เซ็นต์ กำไรสุทธิ 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 49.7 เปอร์เซ็นต์ พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.30 บาทต่อหุ้น พร้อมปักธงเป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2573
นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 ว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเติบโต โดยมียอดขายและกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยยอดขาย 1,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 เปอร์เซ็นต์ หากเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของยอดขายตลาดในประเทศ เมื่อวิเคราะห์รายผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารกุ้ง ทำยอดขาย 929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 เปอร์เซ็นต์ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากตลาดในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการขยายส่วนแบ่งตลาด ทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และขยายฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารปลา บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2 เปอร์เซ็นต์ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายอาหารปลากะพงที่เติบโตถึง 29.1 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงอาหารปลาประเภทอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 16.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ในการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาหารสัตว์น้ำของบริษัทฯ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่ง จากการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำเพียง 0.08 เท่า ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมียอดขาย 2,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลการดำเนินงาน
ครึ่งปีแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 92 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโต 7-9 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักธุรกิจอาหารกุ้งและปลาที่โตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน TFM พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากการบริหารพอร์ต การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ตลอดจนการจัดการต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเดินหน้าบริหารอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย เพื่อสร้างสมดุลในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนตามแผนการเติบโตระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้รวม 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย โดยเน้นการขยายกำลังการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้ง TFM ยังพร้อมเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การขยายตลาด และการหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยอาศัยจุดแข็งด้านกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และโครงสร้างหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารเงินทุนและสนับสนุนการขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงในอนาคต
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS