69 ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

1 ตุลาคม 2492 “ธงชาติจีน” พื้นสีแดงประดับด้วยดาวสีเหลืองห้าดวงผืนแรก ถูกอัญเชิญขึ้นสู่ยอดเสา พร้อมเสียงยิงสลุตของปืน 54 กระบอกเท่าจำนวนชนชาติในจีน 54 ชนชาติ ดังขึ้นพร้อมกัน 28 นัด เท่าจำนวนปีที่ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง

เหมา เจ๋อตุง ผู้นำรุ่นที่หนึ่ง ของจีน ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐมาสู่ระบอบคอมมิวนิสต์

การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามกลางเมือง ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง พรรคชาตินิยมที่นำโดยเจียงไคเช็ค กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่นำโดยเหมาเจ๋อตุงสิ้นสุดลง โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นฝ่ายชนะและสามารถยึดอำนาจจากเจียงไคเช็คได้ ซึ่งนับเป็นการปิดฉากพรรคชาตินิยมก๊กมินตั๋งในจีนแผ่นดินใหญ่ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นแกนนำในการบริหารจัดการประเทศอย่างต่อเนื่องกระทั่งถึงปัจจุบัน มีผู้นำจีนมาแล้วทั้งหมด 5 รุ่น

ผู้นำจีนรุ่นแรก คือ ประธานาธิบดี เหมา เจ๋อตุง ปกครองจีนตามแนวคิดสังคมนิยมตามแบบสหภาพ โซเวียต และใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด (Great Leap Forward) ซึ่งเน้นการพัฒนาภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งท้ายที่สุด นโยบายก้าวกระโดดทำให้ชาวจีนกว่า 20 ล้านคน ต้องตายเพราะความอดอยากและหิวโหย ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนตกต่ำอย่างรุนแรง ในปี 2509 เหมา เจ๋อตุง จึงได้ปรับมาใช้นโยบายปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ยกเลิกความคิดและประเพณีดั้งเดิม และสร้างวัฒนธรรมใหม่ ให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ มีเหตุผล ไม่หลงงมงาย โดยมี "ขบวนการเรดการ์ด" (Red Guards) เป็นผู้คอยตรวจตราและลงโทษผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากอุดมการณ์คอมมิวนิสต์

หลังจากเหมา เจ๋อตุง เสียชีวิตลงในปี 2519 เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำจีนรุ่นที่สอง รับช่วงต่อในการนำพาจีนเปิดประตูสู่โลกภายนอกด้วยนโยบายสี่ทันสมัย (Four Modernizations) พัฒนา 4 ด้าน คือ วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี การศึกษา อุตสาหกรรม และการป้องกันประเทศ และมี “ยุทธศาสตร์ 3 ก้าวแห่งการพัฒนา” ก้าวแรกตั้งเป้าว่า ในปี 2533 เศรษฐกิจจีนจะโตเป็น 2 เท่าของปี 2523 ซึ่งประชาชนจะพ้นจากความยากจน ก้าวที่สอง ปี 2543 เศรษฐกิจโตเป็น 2 เท่าของ ปี 2533 ประชาชนจะอยู่ดีกินดีโดยพื้นฐาน และก้าวที่สาม กลางศตวรรษที่ 21 จีนจะรุ่งเรืองระดับโลก ประชาชนมั่งคั่งร่ำรวยถ้วนหน้า รวมถึงมีการสนับสนุนการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งมณฑลกวางตุ้ง ฝูเจี้ยน เซินเจิ้น จูไห่ ซัวเถา

ปี 2532 ช่วงปลายยุคการนำของ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้มีการชุมนุมประท้วงของนักศึกษาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เหตุการณ์จบลงด้วยการใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงอย่างรุนแรง ทำให้จีนถูกต่างชาติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่หลังจากถูกคว่ำบาตรในช่วงสั้นๆ จีนก็ได้พยายามปรับเปลี่ยนทั้งภาพลักษณ์และท่าทีด้านต่างประเทศ รวมถึงสานสัมพันธ์กับประเทศและกลุ่มประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวาง ภายใต้การนำของ เจียง เจ๋อหมิน ผู้นำจีนรุ่นที่สาม

เจียง เจ๋อ หมิน เสนอ "หลักการ 3 ตัวแทน" เพื่อให้กลุ่มทุนใหม่และนักวิชาการมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองในพรรคและการบริหารประเทศได้ในระดับหนึ่ง ส่วนด้านเศรษฐกิจ เขาได้ปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นแบบตลาดสังคมนิยม และใช้นโยบายเปิดประเทศตามแนวทางของอดีตผู้นำ เติ้ง เสี่ยวผิง ทำให้เศรษฐกิจจีนในช่วงนั้นเติบโตขึ้นถึง 4 เท่าในรอบ 20 ปี ประกอบกับจีนได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก ในปี 2544 ยิ่งทำให้จีนมีอำนาจการแข่งขันและต่อรองในเวทีการค้าโลก

หลังประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน ก้าวลงจากตำแหน่งในปีต่อมา ผู้ที่ขึ้นมารับไม้ต่อคือประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ผู้นำจีนรุ่นที่สี่ พร้อมกับนโยบายใช้การพัฒนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือเขตยากจนในชนบทและปฏิรูปภาคบริการสังคม ตลอดจนฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ทว่าในยุคของเขาต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากการก่อการร้าย การแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ไข้หวัดนก และภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ ทำให้เขาต้องใช้ยุทธศาสตร์ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในการส่งเสริมบทบาทของจีนทั้งในระดับภูมิภาคและบนเวทีโลก

หลังจากหมดสมัยประธานาธิบดี หู จิ่น เทา ก็ก้าวเข้าสู่ยุคประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีนรุ่นที่ห้า และผู้นำคนปัจจุบัน ผู้ที่ได้นำคำว่า “ความฝันของชาวจีน” มากล่าวเป็นครั้งแรก เรียกร้องให้ชาวจีนร่วมต่อสู้เพื่อสานฝันให้สำเร็จ โดยเน้นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมถึงปราบปรามคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง

สี จิ้นผิง ชูวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศ 2 ระยะ ระยะแรกตั้งเป้าให้ปี 2563 ซึ่งครบรอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน สังคมจีนจะเป็นสังคมอยู่ดีมีสุข ประชาชนกินดีอยู่ดีระดับปานกลางอย่างทั่วหน้า ระยะที่สองคือในปี 2592 ครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน จีนจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ประชาชนมีรายได้สูง และเป็นมหาอำนาจแห่งอารยธรรมของโลก

ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว สี จิ้นผิงได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 2 ภายใต้นโยบายการพัฒนาจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การเป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่เจริญรุ่งเรือง การปฏิรูปเศรษฐกิจที่เน้นคุณภาพ ความมั่นคงสมบูรณ์แบบ และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน รวมถึงเดินหน้าผลักดันเมกะโปรเจคต์ส่งเสริมความร่วมมือการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ เพื่อจีนจะก้าวสู่การเป็นประเทศผู้ทรงอิทธิพลในเวทีโลกตามที่ตั้งเป้าไว้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment