{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
กรมศุลกากร แถลงข่าว การตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกไปประเทศออสเตรเลีย ซุกซ่อนมาในเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท โดยมีนางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เป็นประธาน ร่วมด้วย นายเอกวุฒิ นาเอก ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พันตำรวจเอก ไพโรจน์ เขียวนรภัย ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรือโทศิรรินทร์ ชัยสินอัครยศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าและส่งออกยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยต่อสังคมและประชาชน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ในทุกช่องทางการขนส่งสินค้า
นางนันท์ฐิตา ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมศุลกากรได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือในการควบคุมทางศุลกากร อาทิ การบริหารความเสี่ยง การเปิดตรวจทางกายภาพ และการตรวจสอบสินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ จนเมื่อวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายเอกวุฒิ นาเอก ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ทำการตรวจสอบสินค้าตามใบขนสินค้าขาออก สำแดงสินค้าเป็นเครื่องกลึงโลหะ เพื่อส่งออกทางเรือไปยังประเทศออสเตรเลีย
ผลการตรวจสอบ พบสินค้าเป็นเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 1 เครื่อง บรรจุในลังไม้ 1 ลัง และจากการตรวจสอบ ภาพเอกซเรย์พบว่ามีความผิดปกติอยู่ภายในเครื่องกลึงโลหะ จากนั้นจึงทำการตรวจสอบทางกายภาพ พบวัตถุลักษณะเกล็ดขาว บรรจุอยู่ในห่อฟอยล์ จำนวน 26 ก้อน และบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 33.73 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวอย่างเกล็ดขาวต้องสงสัยมาทดสอบสารเสพติด โดยใช้ชุดทดสอบสารเสพติดเบื้องต้นมาร์ควิส (MARQUIS REAGENT) แสดงผลเป็นสีน้ำตาลและใช้เครื่อง Handheld Raman Spectrometer ตรวจสอบองค์ประกอบพบเป็น Methamphetamine จึงสรุปผลการตรวจสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งในกรณีนี้เป็นความผิดฐานพยายามส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นความผิดตามมาตรา 244 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS