ส่งออกน่าห่วง เตือนพ่อค้าปรับตัว

EXIM BANKเผยการส่งออกไทยปี63มีปัจจัยลบหลายด้านต้องปรับเป้าลงติดลบ เร่งขยายบริการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยปรับตัว หวังดันภาคการส่งออกไทยโตเป็นบวก

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) หรือ ธสน.เปิดเผยว่า ในปี 2563 EXIM BANK ได้ปรับการส่งออกจากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 0-2% เป็น การเติบโตติดลบ 2 % หรืออาจไม่ไม่เติบโตหรืออยู่ที่ 0%

โดยมีหลายมิติที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ได้แก่1. มิติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสงครามการค้าที่มีต้นตอมาจากความไม่สมดุลของการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมาอย่างยาวนาน จนทำให้สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่จีนก็ตอบโต้โดยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกดดันบรรยากาศการค้าของโลกและของไทยในปีนี้ ความผันผวนของค่าเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลกซึ่งเกิดจากสภาพคล่องล้นโลกและนโยบายการเงินกลับทิศทาง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน อยู่ในระดับต่ำเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานน้ำมัน ทำให้ราคาสินค้าหลายชนิดที่เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ 2. มิติการเมืองและสังคม ความขัดแย้งในหลายประเทศล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ กำลังซื้อของประชาชน และเศรษฐกิจโลกโดยรวม 3. มิติสิ่งแวดล้อม ทั้งภัยธรรมชาติและโรคระบาด ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งการค้าและการลงทุนที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก

ขณะที่ประเทศไทยซึ่งเศรษฐกิจเป็นระบบเปิด ขนาดเล็ก พึ่งพาตลาดต่างประเทศในสัดส่วนสูง มีอำนาจต่อรองไม่สูงนัก เผชิญกับภาวะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่แฝงด้วยความไม่ยั่งยืนจากปัญหาความไม่สมดุลเชิงโครงสร้างภาคการค้าระหว่างประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกของไทยถูกขับเคลื่อนด้วยปริมาณมากกว่าราคา เนื่องจากสินค้าไทยมีมูลค่าเพิ่มไม่สูง ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคในอัตราขยายตัวสูงกว่าการนำเข้าสินค้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการลงทุนอยู่มาก กดดันให้เงินบาทแข็งค่า ผู้ส่งออกไทยจึงมีรายรับในเทอมเงินบาทลดลงและสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับคู่แข่งชาติอื่น

ซึ่งจากความเสี่ยงของโลกในมิติเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม และสิ่งแวดล้อม ประกอบกับปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการค้าระหว่างประเทศของไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยเผชิญความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และความยากลำบากในปี 2563 ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวโดยเร็ว และบริหารจัดการเรื่องของความเสี่ยงให้ดี โดย EXIM BANK ตั้งเป้าให้ปีนี้เป็นปีแห่งการปรับสมดุลของโลก เพื่อลด “ความเสี่ยง” ในหลายมิติที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ด้วยการวางแผนเพื่อช่วยดูแลผู้ประกอบการให้การปรับตัว เพื่อร่วมผลักดันให้ภาคการส่งออกของไทยในปี 2563 พลิกกลับมาโตเป็นบวกได้ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

โดยระยะสั้น EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการด้วยเครื่องมือทางการเงิน ทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงด้านการค้าและการลงทุน และคุ้มครองความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งโปรแกรมสินเชื่อพิเศษและมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นให้แก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย ส่วนระยะยาว EXIM BANK มีบริการทางการเงินที่จะช่วยผู้ประกอบการไทยปรับสมดุลโครงสร้างการส่งออกและนำเข้าของไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไทย ตลอดจนสนองนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC และพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรม S-curve เพื่อสร้างฐานการผลิตด้านนวัตกรรมของประเทศ ควบคู่กับการให้ข้อมูลข่าวสารและจัดโครงการอบรมบ่มเพาะผู้ประกอบการผ่านศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า (EXAC)

กรรมการผู้จัดการEXIM BANK กล่าวถึงแนวโน้มการดำเนินงานของธนคาคารในปี 2563 คงยังต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกอย่างใกล้ชิด และยังไม่มีการประเมินเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งปีนี้อาจเป็นแรกที่จะเน้นการให้การดูแลและช่วยเหลือผู้ประกอบให้ได้ดีก่อนมากกว่าจะเน้นการเติบโตเรื่องตัวเลข

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้าง 121,868 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดดำเนินการ โดยเพิ่มขึ้น 13,279 ล้านบาทหรือ 12.23% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 38,900 ล้านบาทและสินเชื่อเพื่อการลงทุน 82,968 ล้านบาท ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 197,106 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 106,749 ล้านบาท คิดเป็น 54.16% โดยสินเชื่อคงค้าง SMEs เท่ากับ 43,123 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs Ratio) อยู่ที่ 4.60% โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 5,606 ล้านบาท และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 11,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,787 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 7,804 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกัน 143.15% ทำให้ EXIM BANK ยังคงดำรงฐานะการเงินที่มั่นคง

สำหรับผลการดำเนินงานด้านประกันการส่งออกและการลงทุนของ EXIM BANK ในปี 2562 มีปริมาณธุรกิจสะสมเท่ากับ 121,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28,924 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs จำนวน 22,592 ล้านบาท หรือ 18.61% ของปริมาณธุรกิจสะสมรวม

ขณะเดียวกัน การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังต่างประเทศในปี 2562 EXIM BANK มีวงเงินที่ให้การสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 92,367 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อคงค้างจำนวน 47,454 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นประเทศเป้าหมายหลักของการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการไทย ณ ปี 2562 มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 30,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,333 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนในย่างกุ้ง เวียงจันทน์ และพนมเปญได้เปิดดำเนินงานและทำงานร่วมกับทีมไทยแลนด์นำโดยเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการเปิดสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในเวียดนามต่อไป


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment