LPN โชว์ Sold Out “ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์”

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ปิดการขาย โครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ทำเลใจกลางเมือง จำนวนรวม 710 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,765 ล้านบาท เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าในเรื่องของแบรนด์ คุณภาพมาตรฐาน ทั้งสินค้าและการบริการก่อน-หลังการขายอย่างต่อเนื่อง

นางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า โครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าเป็นเพราะโครงการนี้ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกไลฟ์สไตล์ ตลอดจนความใส่ใจในคุณภาพที่สอดแทรกอยู่ในทุกกระบวนการ อีกทั้งยังมีกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าและยังสามารถเก็งกำไรขายได้ในราคาที่ดีในอนาคตอีกด้วย โดยในปี 2568 LPN มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ บนทำเลถนนรามอินทรา และอ่อนนุช มูลค่ารวม 3,350 ล้านบาท และ โครงการบ้านพักอาศัยระดับพรีเมี่ยม จำนวน 2 โครงการ บนทำเลถนนพระราม 5 และพุทธมณฑลสาย 4 มูลค่ารวม2,650 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่น่าสนใจ ได้แก่ โครงการ เอิร์น บาย แอล.พี.เอ็น. (EARN by LPN) ที่จะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยจุดเด่นของโครงการตั้งอยู่บนทำเลใจกลางนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้โรบินสันไลฟ์สไตล์ เพียง 3 กม. เดินทางสะดวกสบายเชื่อมต่อเส้นทางหลักได้หลายสาย ประกอบไปด้วยห้องพักอาศัยจำนวน 1,796 ยูนิต แบ่งเป็น แบบสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนอนพลัส ขนาดเริ่มต้น 24.00 - 36.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท* พร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 6 ไร่ ที่ตอบรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ Half Olympic Swimming Pool, Futsal Field, Out-door Gym, Jogging Track, Fitness และ Co-Living space เป็นต้น โดยได้รับการออกแบบพื้นที่เน้นเรื่องของการเชื่อมต่อกันด้วยสวนระหว่างอาคารเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุด ด้วยรูปแบบอาคารที่ออกแบบให้สามารถเปิดรับแสงและลมธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่อาคารได้ตลอดเวลา ซึ่งสะท้อนแนวคิดความน่าอยู่ของ LPN จากภายในสู่ภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยโครงการเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพในย่านนิคมฯ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทั้งในเรื่องของการทำงาน และการใช้ชีวิต รวมถึงกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มองหาการลงทุนในรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ในราคาต่อยูนิตที่ไม่สูง ได้รับผลตอบแทนดี สามารถปล่อยเช่าได้ง่าย และมีดีมานด์ผู้เช่าต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งได้รับผลตอบแทน (Yield) ที่ดี สูงสุดกว่า 7% ต่อปี