ไอแบงก์ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อสูงสุด 0.30% มีผลตั้งแต่ 10 มี.ค. 68 ถึง 31 ส.ค. 68 คงอัตราผลตอบแทนเงินฝากเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ออมเงิน

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์ ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อสูงสุด 0.30% โดยประกาศปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภทลง 0.10% โดย SPR ลดลงเหลือ 7.90% ต่อปี SPRL ลดลงเหลือ 7.80% ต่อปี และ SPRR ลดลงเหลือ 8.15% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึง 31 สิงหาคม 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงพี่น้องมุสลิมที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนตามหลักการศาสนา พร้อมทั้งเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางที่มีรายได้ฟื้นตัวไม่เต็มที่ตามเงื่อนไขของธนาคาร โดยลดอัตรากำไรให้อีก 0.20% รวมเป็น 0.30% ต่อปี ซึ่งการปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทั้งหมดในครั้งนี้ ครอบคลุมระยะเวลา 6 เดือน และธนาคารยังคงอัตราผลตอบแทนเงินฝากเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ออมเงิน ให้มีทางเลือกในการหาแหล่งฝากเงินที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และถูกต้องตามหลักชะรีอะฮ์

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.25 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี นั้น ไอแบงก์ ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์ จึงพร้อมปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภท เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน และสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ซึ่งการลดอัตรากำไรสินเชื่อในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และช่วยลดต้นทุนทางการเงินของประชาชนและภาคธุรกิจ โดยไอแบงก์ได้ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภทลง 0.10% ต่อปี ประกอบด้วย อัตรากำไรสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (SPR) จาก 8.00% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.90% ต่อปี อัตรากำไรสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทสินเชื่อแบบมีกำหนดระยะเวลา (SPRL) จาก 7.90% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.80% ต่อปี และอัตรากำไรสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (SPRR) จาก 8.25% ต่อปี ลดลงเหลือ 8.15% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึง 31 สิงหาคม 2568

การปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ SMEs เท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจฮาลาล ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญสำหรับพี่น้องมุสลิมและเศรษฐกิจไทยโดยรวม และการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนตามหลักศาสนาจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ไอแบงก์ได้เสนอมาตรการพิเศษเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางสานต่อจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยการลดอัตรากำไรสินเชื่อลงอีก 0.20% รวมกับที่ลดให้ 0.1% ดังกล่าว รวมเป็น 0.3% ต่อปี เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีรายได้ฟื้นตัวไม่เต็มที่ตามเงื่อนไขของธนาคาร โดยผู้ที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งมาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ และสนับสนุนให้ลูกหนี้สามารถฟื้นฟูฐานะการเงินและชำระหนี้ได้ตามหลักการศาสนา โดยลดภาระกำไรที่ต้องชำระลง ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถจัดการกับปัญหาหนี้สินได้ดีขึ้นและมีโอกาสในการฟื้นฟูกิจการหรือฐานะการเงินในระยะยาว

ขณะเดียวกัน ไอแบงก์ยังคงอัตราผลตอบแทนเงินฝากเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ออมเงิน หน่วยงาน องค์กร นิติบุคคล สถาบัน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ให้มีทางเลือกในการหาแหล่งฝากเงินที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และถูกต้องตามหลักชะรีอะฮ์ โดยไอแบงก์มุ่งมั่นในการสนับสนุนการออมและการเข้าถึงบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับหลักการศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเงินให้กับประชาชนและพี่น้องมุสลิมโดยรวม


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment