{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
XSpring AM โชว์ผลงานปี 2567 โตแกร่ง 192% จากปีก่อนหน้า พลิกสู่กำไร เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ใช้จุดแข็งขับเคลื่อนธุรกิจ มั่นใจโตตามเป้าหมาย เปิดตัวแอปพลิเคชันเพิ่มทางเลือกลงทุน เตรียมเปิดตัวกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์ “X-FIXED6M1R” Rollover ทุก 6 เดือน IPO ระหว่างวันที่ 10 - 17 มีนาคม 2568
นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ปี 2567 XSpring AM ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ที่หลากหลายพร้อมกับการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ทำได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นปีแห่งการพลิกฟื้นธุรกิจทำให้มีรายได้รวม 190 ล้านบาท เติบโต 64% และพลิกมีกำไร 14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 116 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 15 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (LBDU) และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลที่เติบโตขึ้นกว่า 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยไฮไลท์สำคัญของปีที่ผ่านมา บริษัทได้เสนอขายกองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง ไพรเวทอิควิตี้ โครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (UI) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับทาง Macquarie Asset Management บริษัทผู้นำด้านการจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกซึ่งมีประสบการณ์การบริหารจัดการสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวมากว่า 30 ปี ทั้งนี้ ยังถือเป็นการเปิดเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของทาง Macquarie Asset Management เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้บริษัทยังได้เสนอขายกองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง ตราสารหนี้พลัส (X-PLUS) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพ สภาพคล่องสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาให้ครบทุกมิติ
ท่ามกลางความท้าทายในปี 2568 XSpring AM มั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยสร้างมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ให้เติบโตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดสู่ 15,000 ล้านบาท จาก 6,600 ล้านบาท ในปี 2567 แบ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล 4,400 ล้านบาท และกองทุนรวมอีก 4,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (LBDU) คาดว่าปีนี้จะเห็นเม็ดเงินภายใต้การบริหารเพิ่มมากขึ้น แตะระดับ 3,400 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่อยู่ราว 2,820 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ที่ 260 ล้านบาท ซึ่งจะมุ่งเน้นการออกกองทุนร่วมกับบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำในต่างประเทศด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย โดยมีแผนออกกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมรักษาการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลด้วยการลงทุนตรงในโครงการอสังหาริมทรัพย์
โดยในเดือนนี้ XSpring AM เตรียมเปิดตัว กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์ X-FIXED6M1R Rollover ทุก 6 เดือน เปิดให้จองซื้อ (IPO) ระหว่างวันที่ 10 - 17 มีนาคม 2568 และเริ่มลงทุนในวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2568 สำหรับนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น กำหนดการลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 50,000 บาท และครั้งถัดไปเพียง 1,000 บาท ซึ่งกองทุนนี้จะลงทุนในตราสารหนี้ของผู้ออกตราสารในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade และคัดเลือกบริษัทที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง รวมถึงให้อัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ตราสารหนี้ที่ลงทุนจะมีอายุประมาณ 6 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับรอบ Rollover ของกองทุน ซึ่งเมื่อครบ 6 เดือน หากผู้ลงทุนไม่ได้ทำรายการขายคืน เงินลงทุนจะถูกนำไปลงทุนต่อโดยอัตโนมัติ แต่หากต้องการไถ่ถอนต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนวันครบรอบ Rollover
นอกจากนี้ XSpring AM ยังมีแผนขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่บนช่องทางดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือก และความสะดวกสบายด้านการลงทุนให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ผ่าน XSpring Application เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการลงทุนในรูปแบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว
สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2568 XSpring AM มองว่า ความไม่แน่นอนในตลาดทุน และตลาดเงิน อันเนื่องมาจากผลกระทบของนโยบายทรัมป์ 2.0 เป็นแรงส่งให้เกิดความผันผวนของตลาด และสะท้อนภาพความเปราะบางของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ กนง. มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทย แต่ในเชิงเทคนิคดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับลดลงมาอยู่ในกรอบ 1,150 – 1,220 จุด มีแนวรับอยู่ที่ 1,160 จุด แม้จะปรับตัวลงมาแล้วกว่า - 13.73% ตั้งแต่ต้นปีก็ตาม ทั้งนี้หากพิจารณาในเชิงมูลค่า (Valuation) พบว่า P/E ของตลาดหุ้นไทยแม้จะปรับตัวลงมาแล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค อีกทั้งตลาดยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ ๆ ที่จะทำให้ EPS กลับมาโตโดดเด่นได้อีกครั้ง ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจึงไม่ใช่ตลาดหุ้นที่ได้รับความสนใจจากเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Foreign Fund Flows) ในทางกลับกัน นักลงทุนต่างประเทศเลือกที่จะนำเงินไปพักในตราสารหนี้เป็นลำดับแรก เพื่อรอจังหวะที่ดีในการลงทุน ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS