{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานผลประกอบการดำเนินงานประจำปี 2567 บริษัทมียอดขายรวมกว่า 138,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มธุรกิจสินค้าเพิ่มมูลค่าและอื่น ๆ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวถึง 18.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นไปตามแผนการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ตั้งเป้าไว้ที่ 23 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2573 ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 4,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.08 บาท เพิ่มขึ้นถึง 12.7 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังที่ 0.35 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้ปี 2567 ไทยยูเนี่ยนจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.66 บาท คิดเป็นสัดส่วนการจ่ายเงินปันผล 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราส่วนของเงินปันผลต่อราคาหุ้น 5.7 เปอร์เซ็นต์
สำหรับภาพรวมธุรกิจของไทยยูเนี่ยนในปี 2567 เป็นปีที่สร้างผลงานได้ดีทั้งด้านยอดขาย และการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้นที่ 18.5 เปอร์เซ็นต์เป็นผลจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป รวมถึงกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็ง ที่มีการปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้มีอัตรากำไรดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ที่ขยายตัวได้ดีมากจากกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มพรีเมียม และสถานการณ์ของสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยยูเนี่ยนได้เปิดตัว “กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573” โร้ดแม็ปใหม่เพื่อสร้างการเติบโตครั้งสำคัญ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล โดยมีสองโปรเจกต์ทรานฟอร์มเมชั่น ได้แก่ โปรเจกต์โซนาร์ (Project Sonar) ซึ่งเป็นโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นของกลุ่มบริษัท มุ่งวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว และโปรเจกต์เทลวินด์ (Project Tailwind) มุ่งเน้นที่การเร่งการเติบโตในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายของโครงการทรานฟอร์มเมชั่น ที่มีนัยสำคัญ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว กำไรสุทธิในปี 2567 จะอยู่ที่ 5,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในปี 2567 บริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารธุรกิจ ทำกำไร และมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี 0.94 เท่า มีกระแสเงินสดสูงถึง 11,705 ล้านบาท จาก EBITDA ที่แข็งแกร่ง 13,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติการณ์ตลอดจนความสามารถในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ทำให้ไทยยูเนี่ยนมีความคล่องตัวและสามารถสร้างโอกาสสำหรับการลงทุนในอนาคตได้
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 พบว่า ยอดขายปรับตัวลดลงราว 1.2 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.1 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดีการเติบโตจากการดำเนินงานตามปกติยังคงเติบโตที่ 1.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นยังคงขยายตัวอยู่ที่ 18.7 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,213 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 18.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าใช้จ่ายการดำเนินกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ซึ่งหากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายของโครงการทรานฟอร์มเมชั่น กำไรสุทธิ จะอยู่ที่ 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS