NTF แต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนต่อยอดธุรกิจ

“เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป” เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายการเติบโตและเพิ่มโอกาสในอนาคต ยกระดับผลไม้ไทยสู่อุตสาหกรรมระดับสากล อยู่ระหว่างการจัดเตรียมไฟลิ่งเพื่อเสนอต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในปี 2568 การันตีความไว้วางใจจาก Dole บริษัทผลไม้ระดับโลกให้เป็น OEM ผลิตทุเรียนเจ้าเดียวในไทย

นายวิชัย ศิระมานะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำการส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมี่ยม เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเป็นเงินทุนในการขยายกิจการ พัฒนาสินค้าและโครงการสำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงิน เพิ่มโอกาสทางการค้าและการต่อยอดธุรกิจในอนาคต จากความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีในการบริหารและมาตรฐานการดำเนินงาน ผ่านกลไกการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการจัดเตรียมไฟลิ่งเพื่อนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในปี 2568

บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมี่ยมสู่ตลาดต่างประเทศ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจส่งออกผลไม้สด และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของผู้บริหาร ที่ต้องการยกระดับผลไม้ไทยและเกษตรกรรมไทย สู่มาตรฐานอุตสาหกรรมผลไม้ในระดับสากลมากขึ้น โดยบริษัทเริ่มจากการส่งออกลำไย ทุเรียน มะพร้าวและผลไม้อื่นๆ ไปประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกหลัก เนื่องจากเป็นประเทศที่นำเข้าทุเรียนและผลไม้สดมากที่สุดในโลก และความนิยมในการบริโภคของประชากรจำนวนมาก

NTF ทำการตลาดในประเทศจีนภายใต้ 4 แบรนด์ ได้แก่ เหม่ย ลี่ (Mei Li), ไท่ จี้ (Tai Ji), จิน เยี่ยน (Jin Yan) และไท่ ถิง ห่าว (Tai Ting Hao) เพื่อให้เหมาะสมกับตัวแทนสินค้าที่จำหน่ายให้ลูกค้าแต่ละกลุ่ม ในตลาดสำคัญตามเมืองต่างๆ อาทิ กวางเจา (Guangzhou) ตลาดผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและใหญ่ที่สุดในโลก เจียซิง (Jiaxing) ตลาดผลไม้ที่มีปริมาณการซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดของโลก และปักกิ่ง (Beijing) ศูนย์กลางตลาดค้าผลไม้ภาคเหนือ ซึ่งแบรนด์สินค้า 3 ใน 4 แบรนด์ของบริษัทติดท็อป 5 แบรนด์ผลไม้ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าแบ่งเป็น สินค้าประเภททุเรียน 90% มีกำลังการผลิตปีละ 500 ตู้ ตู้ละ 16-18 ตัน หรือประมาณ 16,000-18,000 กิโลกรัมต่อตู้ สินค้าประเภทลำไย 8% กำลังการผลิตปีละ 300 ตู้ ตู้ละ 24-25 ตัน หรือประมาณ 24,000-25,000 กิโลกรัมต่อตู้ และอีกประมาณ 2% เป็นสินค้ามะพร้าวและผลไม้อื่นๆ

ขณะที่การดำเนินงานของ NTF ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตแบบก้าวกระโดดต่อเนื่อง ปี 2563 บริษัทมีรายได้จำนวน 14 ล้านบาท ต่อมาปี 2564 มีรายได้ 184 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้ 351 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้ 561 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 บริษัทคาดการณ์รายได้ไว้ที่ 1,000 -1,200 ล้านบาท

นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทมีพันธมิตรผู้ผลิตผลไม้จำนวน 10 โรงงาน ตั้งอยู่ใน 5 จังหวัดสำคัญของแต่ละภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชุมพร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดลำพูน และจังหวัดราชบุรี สามารถบริหารจัดการสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการให้มากที่สุด โดยแต่ละโรงงานจะมีพนักงานของบริษัทตรวจสอบและควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของสินค้าเกรดพรีเมี่ยมที่ส่งออกจาก NTF จนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ปัจจุบัน NTF ยังได้รับความไว้วางใจจาก Dole ผู้ผลิตและจำหน่ายผักผลไม้สดและแปรรูประดับโลก ที่เล็งเห็นศักยภาพให้ NTF รับหน้าที่ผลิตผลไม้ประเภททุเรียนเกรดพรีเมี่ยม (OEM) เจ้าเดียวในประเทศไทย เพื่อส่งออกไปประเทศจีน โดย Dole ถือเป็นพันธมิตรที่เข้ามาช่วยเติมเต็มตลาด เช่นเดียวกับประเทศเวียดนามที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการบริโภคของประชากรจีนให้มากขึ้น อีกทั้ง เชื่อว่าการทำตลาดในประเทศจีนจะนำมาซึ่งการแข่งขันด้านคุณภาพสินค้ามากกว่าด้านราคาเช่นที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผู้ส่งออกตลอดจนเกษตรกรต้องพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ออกผลผลิต การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการขนส่ง เพื่อให้สินค้าเป็นเกรดพรีเมี่ยมให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้ออย่างแท้จริง

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมการส่งออกทุเรียนไทยไปประเทศจีนต่อจากนี้ พบว่าการนำเข้าทุเรียนของจีนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับสูง ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนไทย สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดที่ยังเปิดกว้างสำหรับผู้ส่งออกไทย จากข้อมูลล่าสุด ณ 9 เดือนปี 2567 มีมูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยรวมประมาณ 130,000 ล้านบาทใกล้เคียงมูลค่าส่งออกทุเรียนของตลอดทั้งปี 2566 ซึ่งการส่งออกของ NTF ในขณะนี้คิดเป็นเพียง 1% ของตลาดส่งออกทุเรียนทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจะต้องบริหารการจัดหาสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการตามคำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเช่นกัน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment