{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
วันที่ 20 สิงหาคม 2477 ประเทศไทยได้ประหารชีวิต "นางล้วน" นักโทษหญิงโดยการตัดศีรษะเป็นรายสุดท้ายในประเทศไทย
การประหารชีวิตนักโทษในประเทศไทยนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยา พบว่ามีการตราบทลงโทษผู้กระทำผิดให้ประหารชีวิตในพระไอยการกระบถศึก ซึ่งมีวิธีการประหารชีวิตถึง 21 สถานหรือ 21 วิธี แต่วิธีที่ใช้กันโดยทั่วไป คือ การบั่นคอหรือตัดศีรษะ
โทษประหารในสมัยก่อนจะใช้กับผู้ที่ก่อการกบฏ และคิดร้ายต่อเจ้านายหรือราชวงศ์ ซึ่งจะกระทำการประหารเจ็ดชั่วโคตร ไม่เว้นแม้แต่สตรีและเด็ก หากเป็นพระสงฆ์จะถูกนิมนต์ให้สึก และรับโทษประหารตามบัญญัติเจ็ดชั่วโคตรด้วย
ปัจจุบัน ความผิดที่มีบทลงโทษทางกฎหมายถึงประหารชีวิต คือ ความผิดฐานปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท หรือฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ความผิดฐานกบฏ ก่อการร้าย ฆ่าผู้อื่น ค้ายาเสพติด ฆ่าข่มขืน หรือความผิดต่อการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ฯลฯ นอกจากนี้ โทษประหารในปัจจุบันจะไม่ถูกนำมาใช้กับผู้กระทำผิดที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
วิวัฒนาการการประหารชีวิตในไทย
เดิมทีโทษประหารที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือการบั่นคอ โดยการใช้ดาบฟันศีรษะให้ขาด ต่อมาได้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 ว่าด้วยการประหารชีวิตจากการ "ให้เอาไปตัดศีรษะเสีย" เป็น "ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย" โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2477 จนกระทั่งปี 2546 ได้เปลี่ยนมาเป็นการฉีดสารพิษให้ตายจนถึงปัจจุบัน
แต่เดิมการประหารชีวิตกำหนดให้ประหารชีวิตก่อน 07.00 น. แต่ได้เปลี่ยนมาดำเนินการในเวลาเย็น ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไปเมื่อปี 2505 โดยนักโทษประหารจะไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะโดนประหารชีวิตเมื่อไร ซึ่งหากเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปในแดนประหารและนำตัวผู้ใดออกมาก็จะเป็นการรู้กันว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว การไม่บอกให้นักโทษรู้ตัวว่าจะถูกประหารชีวิตเมื่อไร เพื่อป้องกันนักโทษฆ่าตัวตาย หรือมีการชิงตัวนักโทษในกรณีนักโทษคนนั้นเป็นผู้มีอิทธิพล
เมื่อนำตัวนักโทษออกมาแล้ว ก็จะนำอาหารมื้อสุดท้ายที่นักโทษอยากทานมาให้ หรือให้นักโทษเขียนพินัยกรรมสั่งเสียญาติพี่น้อง จากนั้นจะนำนักโทษไปที่ห้องประหาร ซึ่งปัจจุบันก็คือห้องฉีดสารพิษ แล้วฉีดยาทั้งหมด 3 ชนิดเข้าสู่เส้นเลือด โดยวิธีฉีดสารพิษนี้จะไม่ทำให้นักโทษทรมาน
ไทยเราได้มีการประหารชีวิตนักโทษด้วยวิธียิงเป้าไปทั้งสิ้น 319 ราย เป็นชาย 316 ราย หญิง 3 ราย และตลอดระยะเวลา 15 ปีตั้งแต่มีการเปลี่ยนวิธีประหารชีวิตจากการยิงเป้ามาเป็นการฉีดสารพิษ มีนักโทษถูกประหารชีวิตไปแล้วทั้งหมด 7 ราย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 มีนักโทษเด็ดขาดที่ถูกฉีดสารพิษในครั้งนั้น 4 ราย ต่อมาเมื่อปี 2552 มี นักโทษเด็ดขาดถูกประหารด้วยการฉีดสารพิษอีก 2 ราย และครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 มีนักโทษถูกฉีดสารพิษอีก 1 ราย นับเป็นการประหารชีวิตนักโทษคนแรกในรอบ 9 ปี
วิธีการประหารชีวิตทั่วโลก
วิธีประหารชีวิตของนานาประเทศที่นอกจากการยิงเป้าหรือฉีดสารพิษแล้ว ยังมีการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอที่มีมาตั้งแต่อดีต ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีบางประเทศที่ใช้วิธีนี้อยู่ เช่น ในบางรัฐของสหรัฐอเมริกา อิรัก และอิหร่าน ฯลฯ
วิธีการใช้หินขว้างให้ตาย ปัจจุบันมีประเทศอัฟกานิสถาน อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย ปากีสถาน ฯลฯ และวิธีการตัดหัว นั่งเก้าอี้ไฟฟ้า การเข้าห้องรมแก๊ส ซึ่งจะมีเฉพาะบางประเทศเท่านั้นที่ยังคงใช้วิธีประหารเหล่านี้อยู่
อย่างไรก็ตาม การประหารชีวิตในไทยนั้น หากนักโทษคนไหนต้องโทษประหารสามารถยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ ซึ่งอาจลดโทษเหลือติดคุกตลอดชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูล
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS
