เกาะติด ก.ค. เสิร์ฟหุ้นกู้ใหม่ 11 ตัว ผลตอบแทนดี หนุนกระจายพอร์ตลงทุน

บล.เอเซีย พลัส โชว์เหนือ 6 เดือนแรก “ติดอันดับ 1” ผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ของบริษัทหลักทรัพย์ (นับเฉพาะ บล.ที่ไม่ได้อยู่ในเครือของธนาคาร) มั่นใจปี 67 เดินหน้าเติบโตแข็งแกร่ง ยืน “แชมป์” ต่อเนื่องปีที่ 16 ระบุเดือน ก.ค.นี้ เตรียมปล่อยหุ้นกู้ใหม่เสิร์ฟนักลงทุนอีก 11 ตัว ให้เลือกช้อปรับดอกเบี้ยสูง 3-6% ชี้จังหวะลงทุนหุ้นกู้ช่วงดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดก่อนดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศเป็นขาลง

นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2567 เป็นอีกปีของ บล.เอเซีย พลัส ที่สามารถรักษาอันดับหนึ่งของการเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ออกตราสารหนี้ (หุ้นกู้) ที่มีมูลค่ารวมของการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (YTD) เป็นอันดับ 1 (นับเฉพาะ บล.ที่ไม่ได้อยู่ในเครือของธนาคาร) และปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรักษาความเป็นแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 16 โดยถือเป็นอีกเสาธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว โดยข้อมูลจากสมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ภาพรวม 6 เดือนแรกของปี 2567 (YTD) มียอดจัดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 10,119.84 ล้านบาท

“บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกกลุ่มทั้งผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ และบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ตลอดจนพันธมิตรที่ได้มอบความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัทฯที่มุ่งมั่นใช้องค์ความรู้ด้านการเงินรวมถึง Data Literacy (ความสามารถในการนำข้อมูลที่มีอยู่ในบริษัทฯมาใช้ให้เกิดประโยชน์) สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนยุคดิจิทัล ตลอดจนทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพและความเชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในวงการมายาวนาน ซึ่งพร้อมจะให้บริการส่งมอบคำแนะนำให้แก่ลูกค้าอย่างจริงใจ และตอบครบทุกโจทย์การลงทุนที่ใส่ใจลูกค้าทั้งผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม”

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ยังยึดมั่นในหลักการบริหารงานที่มีความโปร่งใสและมีขั้นตอนในการคัดเลือกผู้ออกตราสารหนี้อย่างเป็นระบบ โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลและพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น, ทำการสอบทานธุรกิจ (Due Diligence) และวิเคราะห์และประเมินความสามารถในการชำระหนี้

พร้อมกันนี้ บล.เอเซีย พลัส มีการให้บริการแบบ One Stop Service สำหรับให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ทั้งหุ้นกู้ตลาดแรก และหุ้นกู้ตลาดรองได้ในที่เดียว อีกทั้งยังมีหุ้นกู้ให้เลือกหลากหลายตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นหุ้นกู้ดอกเบี้ยสูง หรือหุ้นกู้ความเสี่ยงต่ำ

แนวโน้มการออกตราสารหนี้ของบริษัท ในช่วงที่เหลือของปี 2567 นี้ บริษัทฯจะยังมีหุ้นกู้เสนอขายอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนกรกฏาคม 2567 มีหุ้นกู้เตรียมจะเสนอขายอีกจำนวน 11 บริษัท สำหรับผลตอบแทนจะมีตั้งแต่ช่วงอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ 3-6% ให้เลือกลงทุน ซึ่งถือเป็นจังหวะเหมาะสำหรับการเข้าลงทุนตราสารหนี้ไทยในช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระดับสูงสุดในรอบปี 2567 นี้ หลังจากผลประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ล่าสุด (12 มิถุนายน 2567) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 2.50%ต่อปี โดยล่าสุดคาดการณ์มีแนวโน้ม กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะทำให้ตลาดตราสารหนี้กลับมาคึกคัก จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกใหม่ในช่วงนี้

“ภาพรวมตอนนี้ตลาดตราสารหนี้ยังมีปัจจัยที่เป็นตัวชี้นำต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย จากดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่มีความไม่แน่นอนสูง หลังจากการประชุม FED รอบล่าสุด (เมื่อวันที่ 11-12 มิถุนายน 2567) ได้มีสัญญาณออกมาว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยแค่ครั้งเดียว จากเดิมเมื่อปลายปีที่แล้วตลาดคาดการณ์ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ประมาณ 3-4 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า FED จะลดดอกเบี้ยครั้งเดียว หรือเลื่อนการลดดอกเบี้ยออกไป จนถึงวันนี้ยังไม่มีสำนักวิจัยไหนเลยที่บอกว่าดอกเบี้ยจะขึ้น ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน มีแค่ว่าจะลดช้าหรือเร็วเท่านั้น ก็หมายความว่าระดับดอกเบี้ยในปัจจุบัน นับเป็นระดับที่สูงที่สุดแล้ว จึงเป็นจังหวะที่ควรเข้าลงทุนในหุ้นกู้ไทย” นางยอดฤดี กล่าวทิ้งท้าย


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment