“สุริยะ”ถกผู้บริหารสนามบินปักกิ่งหารือการใช้ระบบ AI บริหารจัดการ

"สุริยะ" รมว.คมนาคมร่วมหารือกับผู้บริหารท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง หารือการใช้ระบบ AI บริหารจัดการในท่าอากาศยาน พร้อมเตรียมนำมาประยุกต์ใช้ในไทย หวังช่วยลดพลังงาน - ระยะเวลา พร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางของนักท่องเที่ยว ผลักดันไทยก้าวสู่ “ฮับการบิน”

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้เข้าพบและหารือร่วมกับ Ms. LI ying รองประธานบริหารและฝ่ายสารสนเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง (Beijing Capital International Airport) พร้อมด้วยการเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมข้อมูล และการจัดการภายในท่าอากาศยานฯ โดยเฉพาะการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเพิ่มประสิทธิภาพ และบริหารจัดการภายในท่าอากาศยาน

ทั้งนี้ จากการเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งนั้น กระทรวงคมนาคม จึงมีแนวทางในการนำระบบ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในท่าอากาศยานของประเทศไทย เพื่อช่วยบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึงสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่สำคัญยังเป็นการผลักดันนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) อย่างเป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้

จากการรายงานถึงภาพรวมของท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ระบุว่า ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2542 ปัจจุบันมีอาคารผู้โดยสารรวม 3 แห่ง มีช่องจอดอากาศยาน จำนวน 372 ช่อง และมี 3 เส้นทางวิ่ง (Runway) โดยมีจำนวนสารการบินให้บริการรวม 82 สายการบิน ในจุดหมายปลายทางทั้งสิ้นรวม 221 แห่ง แบ่งเป็น เส้นทางภายในประเทศจำนวน 138 แห่ง และเส้นทางระหว่างประเทศจำนวน 83 แห่ง

ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่การเปิดให้บริการตัังแต่ปี 2542 นั้น ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งได้เริ่มกำหนดเป้าหมายที่จะเป็นท่าอากาศยานอัจฉริยะ (Smart Airport) ภายในปี 2556 โดยได้ดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการออกแบบและจัดเก็บรวบรวมข้อมูล (Big Data) ให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการคำนวณวิเคราะห์และจัดระบบบริหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยาน เช่น การให้บริการช่องจอดอากาศยาน การเช็คอินบัตรโดยสาร การโหลดสัมภาระ สายพานลำเลียงกระเป๋า เป็นต้น

ส่วนในปี 2563 ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งได้ใช้ยุทธศาสตร์ iBCIA 1355 มาดำเนินงานกับท่าอากาศยาน โดยมีเป้าหมายให้ท่าอากาศยานเป็นท่าอากาศยานที่ปลอดภัย (Safe) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green) เป็นระบบอัจฉริยะ (Smart) และเป็นมิตรกับมนุษยชาติ (Humanistic) นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบโหลดเที่ยวบิน (Flight Load Monitoring)

ทั้งนี้ เพื่อเข้ามาบริหารจัดการในเรื่องพนักงานขนกระเป๋า, การทำความสะอาดเครื่องเมื่อเครื่องลงจอด และการบำรุงรักษาเครื่องก่อนที่จะขึ้นบินอีกครั้ง ซึ่งสามารถช่วยลดระยะเวลา จากเดิมใช้เวลา 4 ชั่วโมงให้ลดลงเหลือเพียง 2 นาทีเท่านั้น ซึ่งจากการรายงาน พบว่า ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลผ่านระบบ AI มาเป็นระยะ 9 ปี เพื่อประมวลผลในด้านต่าง ๆ และคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้เกิดความล่าช้าด้วย

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของศูนย์ควบคุมข้อมูลของท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง สามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อบริหารจัดการ ทั้งในฝั่งเขตการบิน (Airside) และเขตนอกการบิน (Landside) โดยมีการใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์กล้องวงจรปิดภายในท่าอากาศยานถึงกว่า 16,000 ตัว รวมถึงระบบเซ็นเซอร์อีกกว่า 22,000 ตัว ทำให้การควบคุมความเคลื่อนไหวภายในท่าอากาศยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ตั้งแต่ผู้โดยสารขาออก เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยาน เพื่อไปทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋า และไปขึ้นเครื่อง (ผู้โดยสารขาออก) และผู้โดยสารขาเข้า เพื่อให้ทราบว่าขณะนี้มีคนรอใช้บริการระบบรถสาธารณะจำนวนกี่คนและใช้เวลากี่นาที ซึ่งการนำ AI มาใช้ประมวลผลนี้จะทำให้สามารถบริหารจัดการท่าอากาศยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้อย่างมาก รวมถึงการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยเช่นกัน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment