{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเผยเทรนด์บริโภคโปรตีนจากพืชกำลังมาแรง คาดเป็นสินค้าดาวรุ่งตัวใหม่ที่น่าจับตา
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์และทิศทางสินค้าอาหารที่กำลังมาแรง โดยพบว่าสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคมังสวิรัติหรือกลุ่มที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ (กลุ่มวีแกน) และสินค้าที่ใช้โปรตีนจากพืชมาทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ กำลังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผู้บริโภคให้ความนิยมบริโภคเพิ่มมากขึ้น จึงกลายเป็นสินค้าดาวรุ่ง และเป็นสินค้าตัวใหม่ที่มีโอกาสสำหรับการส่งออกของไทย ซึ่งกรมฯ จะมีการติดตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และนำมารายงานให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ได้ศึกษาและหาโอกาสในการขยายตลาดต่อไป
นายวิรจิต สุวรรณประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี กล่าวเสริมว่า จากการเข้าไปสำรวจตลาดนวัตกรรมอาหารภายในงานแสดงสินค้าอาหาร Anuga ในเมืองโคโลญจ์ พบว่า สินค้าอาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชมาทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการนำมาผลิตเป็น นม เนื้อสัตว์ ไส้กรอก เนื้อเบอเกอร์ ไข่เหลวที่ทำจากถั่วเขียว และเบคอนทำจากเห็ด เป็นต้น โดยกลุ่มวีแกนเป็นกลุ่มบริโภคหลัก
นอกจากนี้ ไม่ใช่เพียงโปรตีนจากพืชเท่านั้น ที่จะนำมาใช้ทดแทนเนื้อสัตว์อย่างไก่ หมู หรือเนื้อวัว แต่โปรตีนจากแมลง เช่น จิ้งหรีด หนอนนก ที่นำมาใช้ทดแทนเนื้อสัตว์ ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม ช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม และมีความอร่อย มีโปรตีนสูง โดยมองกันว่าจะเป็นโปรตีนแห่งอนาคต ซึ่งปัจจุบัน มีหลายบริษัทที่เริ่มผลิตออกจำหน่ายแล้ว เช่น เนื้อเบอเกอร์ที่มีส่วนผสมของโปรตีนจากหนอนนก ผักขม ขมิ้น และบีทรูท มีวางจำหน่ายในห้าง Coop ในสวิตเซอร์แลนด์ และกำลังจะถูกนำไปจำหน่ายในเยอรมนี และยังมีการผลิตโปรตีน Bar จากแป้งจิ้งหรีด หนอนนก และจิ้งหรีดกรอบผสมถั่วต่างๆ วางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับโอกาสของไทย พบว่า ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ที่ปลูกพืชโปรตีน หรือเพาะเลี้ยงแมลง ควรที่จะศึกษาแนวโน้มของตลาด และหาทางผลักดันการส่งออก โดยสามารถส่งออกทั้งสินค้าที่ผลิตเป็นอาหารสำเร็จรูปแล้ว หรือส่งออกเป็นวัตถุดิบ เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า นำไปผลิตเป็นสินค้าต่อ
ด้านนายธนกฤต เหลืองอาสนะทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโทรอนโต แคนาดา กล่าวว่า ในตลาดแคนาดา สินค้าที่ใช้ธัญพืชมาผลิตทดแทนเนื้อสัตว์ หรือโปรตีนจากพืช ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทผู้ผลิตในแคนาดาหลายราย รวมถึงบริษัทอาหารชั้นนำของโลก ได้หันมาลงทุนวิจัย ทำการผลิต และจำหน่ายสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่บูมอย่างที่คิด แต่มีการขยายตัวอย่างช้าๆ และจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะคนเริ่มมองหาสินค้าที่จะมาทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทย ควรจะศึกษาอย่างจริงจังในเรื่องของโอกาสเนื้อทางเลือก ที่ผลิตจากธัญพืช เพราะมีความต้องการบริโภคจากกลุ่มมังสวิรัติเพิ่มขึ้น โดยในแคนาดามีถึง 10% ของประชากรทั้งหมด และในโลกตะวันตก ก็มีผู้บริโภคกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น
สำหรับสินค้าที่ใช้โปรตีนจากพืชมาผลิตในตลาดแคนาดา พบว่า มี 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.คาโนล่า เป็นธัญพืชที่ส่วนใหญ่นำมาผลิตน้ำมันพืชและอาหารสัตว์ เนื่องจากมีคุณสมบัติปริมาณสารโปรตีนที่สูง มีกรดอะมิโนและสาร Methionine ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย และสาร Cysteine ที่รักษาความสมดุลของแร่ธาตุสารอาหารในร่างกาย ซึ่งเป็นสารอาหารที่พืชตระกูลถั่วอื่นๆ ไม่มี โดยนักวิทยาศาสตร์อ้างว่าหากมีการผสมกันระหว่างถั่ว Pea และ Canola ก็จะมีสารอาหารโปรตีนที่ใกล้เคียงกับนมวัว
2.กัญชง (HEMP) มีสารอาหารกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 10 ชนิด อาทิ Omega 3-6 ที่เมื่อมาผลิตเป็นเนื้อสัตว์ทางเลือกแล้ว จะมีรสชาติหรือ Texture คล้ายถั่ว อีกทั้งยังไม่เคยมีการรายงานว่ามีผู้บริโภครายใดแพ้กัญชง และทุกวันนี้ชาวแคนาดาหันมาบริโภคเมล็ดกัญชงมากขึ้น โดยใช้เป็นส่วนหนึ่งของอาหาร เครื่องดื่ม หรือผู้ผลิตอาหารทำมาเป็นส่วนผสมในสินค้า อาทิ Chocolate Bar , Nutrition Bar ที่วางจำหน่ายทั่วไปในร้าน Health Food จนถึงห้างทั่วไปอย่าง Wal-Mart , Costco
3.Lentil เป็นถั่วที่ปลูกอย่างแพร่หลายในแคนาดา ที่เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักจากแคนาดาไปยังประเทศเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ศรีลังกา โดยมีคุณสมบัติทางโภชนาการที่อุดมไปด้วยไวตามินบี แมกนิเซียม สังกะสี และโปแตสเซียม อีกทั้งยังมีรสชาติที่จืด ง่ายต่อการปรุงแต่งกลิ่นสี รส เพื่อผลิตเป็นสินค้าอาหารชนิดอื่นได้
4.ถั่วเขียว ได้เริ่มเป็นที่นิยมในอเมริกาเหนือ ถูกนำมาใช้แทนไข่ไก่ และถูกใช้เป็นวัตถุดิบทำแฮมเบอเกอร์เนื้อเทียม หรือนำมาผลิตผสมในเส้นพาสต้า โดยถั่วเขียวมีประโยชน์ในเรื่องของมีระดับโปรตีนที่สูง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมโรคเบาหวาน มีสาร Antioxidant ควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือด
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS