SCB EIC ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.7% เพราะแรงส่งเศรษฐกิจแผ่วและภาคการผลิตฟื้นช้าจากปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิตไทย

SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.7% จากเดิม 3% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องได้ในปีนี้ จากแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ที่กลับมาขยายตัวเร่งขึ้นในหลายองค์ประกอบ โดยเฉพาะการส่งออกและการลงทุนเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่แรงส่งจากภาครัฐที่คาดว่าจะหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้จากความล่าช้าของการจัดทำ พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2024 ประกอบกับปัญหาสินค้าคงคลังสะสมสูงจากปีก่อนที่จะยังไม่คลี่คลายได้เร็ว ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิตไทยโดยเฉพาะภาคการส่งออกไทยที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขันไม่สามารถปรับตัวตอบสนองการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการสินค้าในโลกและห่วงโซ่อุปทานโลกในระยะยาวที่เปลี่ยนไปได้ดีนัก นับเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าต่อเนื่องมาในปีนี้ ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยด้านอุปสงค์ สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตไทยที่รุนแรง

เศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาภาคการผลิตอุตสาหกรรมอ่อนแอ

สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านอุปทานในปี 2024 SCB EIC ประเมินว่าแม้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัวได้จากแรงส่งของอุปสงค์สินค้าอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัว แต่ยังมีแนวโน้มฟื้นช้า เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมมีปัจจัยความเสี่ยงด้านอุปสงค์และอุปทานกดดันรอบด้าน อาทิ (1) ปัญหาการตีตลาดจากสินค้านำเข้า โดยเฉพาะประเทศจีน (2) ความต้องการจากต่างประเทศที่ฟื้นตัวช้าประกอบกับความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกสินค้าในเวทีการค้าโลกที่ลดลง ส่วนหนึ่งจากความเสียเปรียบด้านต้นทุน สะท้อนจากการส่งออกไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่เติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากดูสัดส่วนของการส่งออกไทยในตลาดโลกก็มีทิศทางปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่มูลค่าการส่งออกของประเทศอื่นในภูมิภาคกลับขยายตัวแข็งแกร่ง (3) ความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2024 (4) สินค้าคงคลังสะสมสูง และ (5) ความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะบริเวณทะเลแดงที่อาจรุนแรงขึ้นกระทบการส่งออกไทย

ปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิตยังมีผลกดดันให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่ำลง

ศักยภาพเศรษฐกิจไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นผลจากปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิตที่รุนแรงขึ้น โดย SCB EIC ประมาณการศักยภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนเกิด COVID-19 (ปี 2017 - 2019) อยู่ที่ระดับ 3.4% ขณะที่ศักยภาพเศรษฐกิจไทยระยะยาว (ปี 2024-2045) จะเติบโตต่ำลงเหลือ 2.7% ปรับลดลงจากมุมมองเดิมที่ประเมินไว้ในเดือน ธ.ค. 2023 ที่ 3% สาเหตุหลักมาจากผลิตภาพการผลิต (Total factor productivity) ของไทยลดลงมากขึ้น เกี่ยวโยงกับปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตไทยที่รุนแรงขึ้น เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนและห่วงโซ่การผลิตจีนมากท่ามกลางกระแสภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงความสามารถของไทยในการปรับตัวเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตของโลกในระยะยาวและรูปแบบความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนไปได้ช้า

SCB EIC มอง กนง. จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในเดือน เม.ย. และ มิ.ย. เหลือ 2% ตาม Neutral rate ที่ต่ำลง

SCB EIC มองว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2% ในครึ่งแรกของปีนี้ เพื่อรักษาบทบาทนโยบายการเงินที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจไว้เช่นเดิม เนื่องจากหากคำนึงถึงปัจจัยเชิงโครงสร้าหงที่มีนัยต่อระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมในปัจจุบัน จะพบว่า Neutral rate ของไทยปรับต่ำลงมาอยู่ที่ราว 2.1% (เดิม 2.5%) การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้นอกจากจะเป็นการรักษา Stance เดิมของนโยบายการเงินที่ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจและช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาวที่ต่ำลงได้อย่างยั่งยืนแล้ว จะยังมีผลช่วยบรรเทาภาระหนี้สูงเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและครัวเรือนเปราะบางที่อาจได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น รวมถึงช่วยเพิ่มปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทยท่ามกลางแรงส่งภาครัฐที่ยังติดขัดในปีนี้ได้อีกทาง

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/gdp-010324


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment