PRINC ฟอร์มดีปิดปี 66 รายได้ 5,640 ล้านบาท ปี 67 เดินหน้าขยายโรงพยาบาล ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ

บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ทั้งปี 2566 มีรายได้รวม 5,640 ล้านบาท ถ้าพิจารณาเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 พบว่ารายได้ปี 2566 เติบโตขึ้น 36.1 % จากผลการดำเนินงานที่เติบโตจากทุกโรงพยาบาล

นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการและรองประธานกรรมการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2566 อัตราการครองเตียง (Average Daily Census – ADC) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโตถึง 62.6% และยังคงรักษาการเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ปีที่ผ่านมาที่ทำสถิติในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมี 3 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1.ผลการดำเนินงานที่มุ่งเสริมศักยภาพเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการเพิ่มบริการด้านการแพทย์ ด้วยการเสริมทีมแพทย์และเปิดคลินิกหรือศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในปี 2566 รวมทั้งรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลใหม่ โรงพยาบาลรวมแพทย์ พิษณุโลก หน่วยบริการรับส่งต่อทางการแพทย์ ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมอนซูน (Monsoon Wind Farm) เมืองดากจึง สปป.ลาว ของ รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้และขยายฐานกลุ่มผู้รับบริการชาว สปป.ลาว ฯลฯ และยังมีแผนขยายโรงพยาบาลเพิ่มต่อเนื่อง และการลงทุนขยายบริการทางการแพทย์ในสาขาเฉพาะทาง เช่น หัวใจ มะเร็ง คลินิกผู้มีบุตรยากตามโรงพยาบาลในเครือด้วย

2.การขยับฐานของจำนวนผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ RSV ในเด็ก และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B และโรคไข้เลือดออก ทั้งผู้ป่วยชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และชาวกัมพูชา ทำให้ภาพรวมจำนวนผู้ป่วยนอก (OPD) เฉลี่ยต่อวันสูงขึ้น 14.0% รายได้ผู้ป่วยนอกเฉลี่ยต่อครั้งสูงขึ้น 8.1% และ Admission Rate สูงขึ้น 3.4%

3.การเพิ่มศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์และการบริหารจัดการของโรงพยาบาลและธุรกิจในเครือ ผ่านโมเดล Shared Services เช่น Teleradiology พร้อมด้วยทีมแพทย์รังสีรักษาในเครือ, การพัฒนาระบบ PRINC Single Profile ตรวจสอบประวัติการรักษาข้ามสถานพยาบาล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากรณีเจ็บป่วยไม่ว่าจะเข้ารับบริการโรงพยาบาลแห่งใดในเครือ จะได้รับบริการที่ดี พร้อมด้วยข้อมูลประวัติการรักษา พร้อมสนับสนุนทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษาได้อย่างตรงจุด เป็นต้น

ส่วนผลการดำเนินงานตามแนวทางความยั่งยืน (ESG) บริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ CG ประจำปี 2566 ในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) เป็นปีแรก โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และผ่านการประเมินมาตรฐานสากลด้านจริยธรรมของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ หรือ EPiHC นับเป็นสถานพยาบาลแห่งที่ 2 ในประเทศไทยที่ได้รับการประเมินดังกล่าว นอกจากนี้ ยังร่วมสนับสนุนข้อตกลงระดับโลกของสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ในประเทศไทย พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรหลังเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตั้งแต่ปี 2564 และมุ่งลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ จากกระบวนการดำเนินงานเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2573 พร้อมเดินหน้าปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วย Solar Rooftop เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่ รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี และรพ.พริ้นซ์ อุทัยธานี รวมดำเนินการแล้วทั้งหมด 5 แห่ง ตามแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน

“บริษัทยังเดินหน้าตามแผนงานขยายโรงพยาบาลตามเป้าหมาย 20 แห่งภายใน 2 ปี และปีนี้เดินหน้าตามแผนงานเปิดศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทางเพิ่มอีกในหลายสาขา รวมไปถึงแผนการขยายศูนย์รักษามะเร็งของโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง รวมทั้งการขยายธุรกิจเฮลท์แคร์ โดยมุ่งเน้นธุรกิจการดูแลรักษาและฟื้นฟูผู้สูงอายุและผู้ป่วยครบวงจร ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ การดูแลรักษาผู้มีบุตรยาก ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลงเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจเฮลท์แคร์ ควบคู่กับการดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมสร้างการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดเมืองตามปณิธานของการมุ่งสู่องค์กรที่สร้างคนให้มีจิตใจที่เป็นผู้ให้ เพื่อช่วยเหลือคน ชุมชน สังคมต่อไป“, นพ.กฤตวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment