{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ หรือ MASTER “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital” โชว์งบปี 66 All Time High สวยทุกมิติ โกยรายได้กว่า 1.9 พันลบ. กำไรแตะ 416.30 ลบ. ประกาศดีล M&P อีก 4 ดีล ขึ้นแท่นผู้นำด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย แถมบอร์ดใจดีปันผลหุ้น-เงินสด โดยอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น มีอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 0.142857142857143 หุ้นปันผล พร้อมเงินสดอัตราหุ้นละ 0.0142857142857143 บาท
นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายในปี 2567 นี้ MASTER วางแผนเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,916.76 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2565 มีรายได้ 1,482.59 ล้านบาท และมีกำไร 416.30 ล้านบาท เติบโต 38% จากปี 2565 มีกำไรกว่า 300 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตในทุกๆหัตถการ เนื่องจากมีการเพิ่มการใช้ห้องผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมากขึ้น เพิ่มทั้ง Profitability and Cost Efficiency
MASTER มีการปรับโครงสร้างการบริหารภายในใหม่ โดยแต่งตั้ง นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO - Chief Executive Officer) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 2567 เป็นต้นไป ด้วยบทพิสูจน์จากผลประกอบการโตแบบก้าวกระโดด สร้างผลการดำเนินย้อนหลัง 3-4 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2566 ผลงานสร้าง All Time High ทั้งรายได้และกำไร
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ และทำ All Time High ต่อเนื่อง โดย MASTER ยังมีดีลใหม่อีก 4 ดีล ที่จะเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ด้วยหลักแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ โดยวางหลักเกณฑ์ 3 เรื่องในการเข้าพิจารณาลงทุนกับพาร์ทเนอร์ ได้แก่ ซื้อกิจการหรือธุรกิจที่มีเจ้าของเดิมยังบริหารต่อและต้องการเติบโตไปด้วยกัน รวมถึงเป็นกิจการหรือธุรกิจท้องถิ่น มีชื่อเสียง และความสัมพันธ์ที่ดีต่อพื้นที่นั้นๆ ซึ่งต้องมีการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างธุรกิจกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน
“ดีลที่ประกาศมี 4 ดีลดังนี้ กรวิน + รณภีร์ : Cross selling หัตถการเด่นด้าน ซิลิโคนมีทั้งหมดกว่า 46 สาขากระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่บจก.เอธิลิส โค้ด โรงงานผลิต ซิลิโคนเกรด Premium : Cross synergy เป็น Supply chain ต้นน้ำในธุรกิจศัลยกรรมต่างๆ ส่วน AURORA Clinic : Cross Border synergy กับคุณหมอเติ้งซึ่งเป็นคุณหมอศัลยกรรมพลาสติก ขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี และเกาะสมุย เพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่ม Medical Tourism สุดท้าย คือ ME CENTER : Cross selling ธุรกิจเฉพาะทางด้านจิตเวช จะขยายเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวชในอนาคต”นางสาวลภัสรดา กล่าว
ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติเข้าลงทุน 4 ดีลดังนี้ เข้าลงทุนในบริษัท เอสธิลิส โค้ด จำกัด ผู้ประกอบกิจการโรงงานผลิตซิลิโคนเพื่อใช้สำหรับทางการแพทย์ จำนวน 20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ บจก. เอสธิลิส โค้ด รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 200,000 บาท
รวมถึงเข้าลงทุน ในบริษัท มี เซนเตอร์ จำกัด ผู้ประกอบกิจการคลินิกดูแลสุขภาพจิต ภายใต้ชื่อ “Me Center Clinic” ซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีความชำนาญด้านดูแลช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาด้านปัญหาสุขภาพจิต จำนวน 35% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบจก. มี เซนเตอร์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 55,000,000 บาท
นอกจากนี้ MASTER ได้เข้าลงทุนในกิจการคลินิกเสริมความงาม ภายใต้ชื่อ “Aurora Clinic” ซึ่งเปิดให้บริการ 2 สาขาที่เกาะสมุย และที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี Aurora Clinic มีความชำนาญด้านเสริมหน้าอก ผ่าตัดตาสองชั้น เสริมคาง ปัจจุบันดำเนินธุรกิจโดยนายแพทย์อภิรักษ์ วงษ์เสาวศุภ
โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่จัดตั้งใหม่โดยนายแพทย์อภิรักษ์ วงษ์เสาวศุภ จำนวน 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทจัดตั้งใหม่ รวมเป็นเงินจำนวน 18,580,262.30 บาท ทั้งนี้ บริษัทจัดตั้งใหม่จะรับโอนกิจการทั้งหมดของ Aurora Clinic เพื่อให้บริษัทจัดตั้งใหม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง
นางสาวลภัสรดา กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้น ของบริษัท กรวินโฮลดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด จำนวน 15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบจก. กรวินโฮลดิ้ง รวมเป็นเงินจำนวน 77,837,837.84 บาท
ขณะที่ บจก. กรวินโฮลดิ้ง เป็นบริษัทจัดตั้งใหม่เพื่อถือหุ้น (1) บริษัท เค เมดิคอล ไทยแลนด์ จำกัด สัดส่วนร้อยละ 100 ซึ่งประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่เปิดให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 33 สาขาทั่วประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “Korawin Clinic” ซึ่งเป็นกิจการที่มีความชำนาญด้านศัลยกรรมความงาม เสริมจมูก เสริมคาง ตาสองชั้น (2) บริษัท รณภีร์ กรุ๊ป จำกัด สัดส่วนร้อยละ 100 ซึ่งประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่เปิดให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 13 สาขาทั่วประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “Ronnapee Clinic” ซึ่งเป็นกิจการที่มีความชำนาญด้านศัลยกรรมความงาม เสริมจมูก เสริมคาง ตาสองชั้น และ (3) บริษัท เคโอเอม คอร์ป จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงพยาบาลศัลยกรรมที่จัดตั้งขึ้นใหม่
การเข้าลงทุนในกิจการทั้ง 4 บริษัทดังกล่าวนั้น บริษัทจะใช้เงินที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท และจะเป็นประโยชน์กับบริษัท โดยการร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท
นางสาวลภัสรดา กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาจ่ายเงินปันผล โดยอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น มีอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 0.142857142857143 หุ้นปันผล พร้อมเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0142857142857143 บาท ซึ่งกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคม 2567 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 และสิทธิในการได้รับเงินปันผล (Record Date) ทั้งนี้ กำหนดวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD คือ วันที่ 19 มีนาคม 2567) และจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS