{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE เดินหน้าเพิ่มพันธมิตรและลูกค้า เน้นการเพิ่ม wallet share และ สร้าง synergy ร่วมกัน พร้อมขยายการให้บริการทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์การเป็นผู้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ด้านบอร์ดใจดีแจกปันผล 0.24 บาทต่อหุ้น
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2567 ว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน โดยมองว่าอัตราค่าระวางเรือและอากาศจะมีการปรับตัวขึ้น พร้อมกับปริมาณการขนส่งทั้งนำเข้าและส่งออกจะมีเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน บริษัทเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนจะกลับมาฟื้นตัว จากนโยบายและแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งภาคเอกชนและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงภาคการลงทุน จนส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจโลจิสติกส์ดีขึ้นไปด้วย นอกจากนี้บริษัทเน้นกลยุทธ์ wallet share และเครือข่ายโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้า ตลอดจนการสร้างโซลูชั่นการบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าควบคู่ไปด้วยกัน
ขณะที่บริษัทคาดว่าได้เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่เริ่มลงทุนไปในปีที่แล้ว เช่นโครงการ Green Logistics Hub ที่ร่วมมือกับพันธมิตร ในการพัฒนาพื้นที่เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงการการให้บริการขนส่งสินค้าแบบตู้ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งเริ่มให้บริการแบบเต็มกำลังตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าเพิ่มอีกหลายราย การให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จากสปป.ลาวมายังท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะเริ่มให้บริการ ภายในไตรมาส 2 นี้
บริษัทยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่คลังสินค้าใหม่ เพื่อรับรองการเติบโตของลูกค้า โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่อีก 20,000-30,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้บริษัทมีพื้นที่ให้บริการ ถึง 100,000 ตารางเมตร ทั้งนี้คาดว่าจะใช้งบสำหรับการลงทุนและขยายกิจการในโครงการต่างๆประมาณ 200-300 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้ 3,832 ล้านบาท ลดลง 46% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท ลดลง 69% จากปีก่อน สาเหตุหลักที่ทำให้ผลดำเนินการไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือมีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าปริมาณการนำเข้าและส่งออกจะยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว แต่ก็ส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบริษัทก็พยายามปรับกลยุทธ์ เพื่อให้รักษาการเติบโตให้ได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามภาพรวมของธุรกิจอื่นๆ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 เป็นเงินสดในอัตรา 0.24 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 153.83 ล้านบาท และคิดเป็น 51.18% ของกำไรสำหรับปี โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) พร้อมกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS