EXIM BANK ชู “Greenovation” สร้าง Green Supply Chain เปลี่ยนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสีเขียว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในโอกาสครบรอบ 30 ปี ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ว่า ปัจจุบันโลกขับเคลื่อนอยู่บนหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ระดับชุมชนและทุกภาคส่วนต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติของทุกประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาสภาพอากาศสุดขั้ว ซึ่งเป็นภัยความเสี่ยงอันดับ 1 ของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศไทยภายในปี 2593 และ 2608 ตามลำดับ รัฐบาลไทยมุ่งสนับสนุนกลไกและนโยบายต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ส่งเสริมการทำเกษตรยั่งยืนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการให้ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต และหาแนวทางขยายตลาดต่างประเทศ ตลอดจนดึงดูดบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เข้ามาลงทุน เช่น ดาต้าเซนเตอร์ อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเพิ่มพูนทักษะฝีมือแรงงานไทย

อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศจะบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้สำเร็จ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกกฎหมายหรือนโยบายจากภาครัฐเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนผู้ประกอบการในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น สินค้าหัตถกรรม สินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลังจึงพร้อมสนับสนุนหน่วยงานในการกำกับดูแล รวมถึง EXIM BANK ให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยในเวทีโลกที่แข่งขันได้ ทั้งในรูปแบบการเป็นผู้ส่งออกเองหรือเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain การส่งออก และในวันนี้ต้องเร่งยกระดับเป็น Green Supply Chain เพื่อให้เกิดระบบนิเวศสีเขียวที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยโดยคำนึงถึง ESG สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ใหม่ ๆ ภายใต้กติกาการค้าของโลกยุคใหม่ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยให้เติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนและความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภายนอกในอนาคต เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ร่วมกัน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 30 ปี EXIM BANK ว่า ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนทุกวันนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกเปลี่ยนผ่านจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) นำไปสู่การเกิดภัยธรรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยจึงต้องเร่งเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDGs และเป้าหมายประเทศไทยสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังปล่อยคาร์บอนสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย อยู่ในระดับ 3.78 ตันคาร์บอนต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน อาทิ อินโดนีเซียและเวียดนาม โดยมูลค่าส่งออกของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีไม่มากนัก อยู่ในสัดส่วนเพียง 7.6% ของการส่งออกทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีมากถึง 18,000 ฉบับ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากธุรกิจที่คำนึงถึง ESG มีการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่าธุรกิจทั่วไปกว่า 2 เท่าตัว EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังจึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตของประเทศไทยและโลกที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท Green Development Bank ด้วยกลยุทธ์ “Greenovation” ที่จะสร้าง Green Supply Chain ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุน เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Greenomics)

EXIM BANK พร้อมใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมาพัฒนา “Greenovation” นวัตกรรมการเงินสีเขียว ดูแลการปล่อยคาร์บอนขององค์กรและผู้ประกอบการไทยใน Scope 1-2-3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ทางอ้อมที่เกิดจากการใช้พลังงาน และทางอ้อมอื่น ๆ จากการดำเนินงานขององค์กร) โดยต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของไทย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมเป้าหมายสู่อนาคต (Future Industries) อาทิ พลังงานหมุนเวียน EV เคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและประมงแปรรูป และธุรกิจบริการและ Soft Power อาทิ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ควบคู่กับการสร้างผู้ส่งออกไทย โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้าน Climate Finance ได้แก่ EXIM Green Goal ส่งเสริมให้ SMEs ตั้งเป้าหมาย Green ให้ชัดเจนและพร้อมเข้าร่วม Green Supply Chain โดยเติมความรู้สีเขียว เติมโอกาสสีเขียว และเติมเงินทุนสีเขียว ด้วยผลิตภัณฑ์ประเภท Green ต่างๆ ของ EXIM BANK พร้อมสิทธิประโยชน์และโปรโมชันพิเศษ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี เพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ธุรกิจทุกระดับเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดการค้าโลก ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ผู้บริโภคและกติกาการค้าโลกยุคใหม่ โดย EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment