{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT พร้อมด้วยคณะกรรมการ ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ได้ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจการดำเนินงานของ AOT จากคณะผู้บริหาร นำโดย ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ที่ห้องประชุม AOB1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จากนั้นได้นำคณะเดินตรวจเยี่ยมพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ทสภ. รวมถึงอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ด้วย
ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.วิสนุ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้รับโอกาสให้มาทำหน้าที่ประธานกรรมการฯ ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากทุกประเทศกำลังเร่งส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวและตลาดทุนจากต่างชาติ หลังสถานการณ์โควิด ซึ่งสนามบินถือเป็นประตูบานแรกที่สำคัญในการเปิดรับการเดินทางและการขนส่งของประเทศ จึงมีการแข่งขันเพื่อยกระดับสนามบินของแต่ละประเทศให้ขึ้นแท่นสนามบินที่ดีระดับโลก รวมถึงสนามบินของไทยเราที่มีความได้เปรียบด้านภูมิยุทธศาสตร์ของภูมิภาค ตนจึงได้ประกาศวิสัยทัศน์ “ยกระดับการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค สู่ประตูการบินของโลก” เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนให้สนามบินของ AOT ติดสนามบินดีสุดอันดับต้นของโลกให้ได้ ซึ่งปัจจัย Key success สู่ความสำเร็จ ที่มุ่งเน้นมี 5 ข้อ คือ 1. ให้คุณค่ากับ Man power ทุกระดับ ทุกฝ่าย 2. สร้างความมั่นใจทางธุรกิจ เพื่อความมั่นคงในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3. ความโปร่งใสตรวจสอบได้ คือหัวใจสำคัญ 4. สร้างการยอมรับจากสังคม ประชาชน ผู้ใช้บริการ ทุกส่วนในอุตสาหกรรมการบิน 5. บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบินในรูป Home team เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน โดยนโยบายเร่งด่วน ที่เร่งทำทันทีคือ 1. เร่งปรับปรุงพื้นที่ทางกายภาพและระบบอำนวยความสะดวกทั้งระบบในและนอกอาคารผู้โดยสารของ ทสภ.และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ให้พร้อมตอบสนองนโยบายเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติของรัฐบาล 2. การเร่งบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับ ทสภ.เป็นสนามบินชั้นนำตามมาตรฐานสากลให้ได้ในปี 2567
ส่วนนโยบายระยะต่อเนื่อง มี Flag Ship Project สำคัญ 4 โครงการ คือ 1. เร่งขยายอาคารผู้โดยสาร 2. ท่าอากาศยานหลักคือ ทสภ.และ ทดม. โดยจะสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ทสภ.ฝั่งทิศเหนือ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 90 ล้านคนต่อปี โดยขณะนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำลังพิจารณาเพื่อเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณต่อไป ส่วน ทดม.ก็มีความคับแคบในขณะที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก จึงจะมีการปรับปรุงก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้าน เป็น 50 ล้านคนต่อปี โดยขณะนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณเรียบร้อยแล้ว 2. เร่งติดตั้งระบบช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Automatic Channels เพื่อสนับสนุนงานตรวจ คนเข้าเมืองที่ ทสภ.และ ทดม. ซึ่งเครื่องเดิมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีอายุกว่า 10 ปี และมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยคาดว่าจะช่วยระบายความหนาแน่นของผู้โดยสารระหว่างประเทศได้คล่องตัวยิ่งขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ 3. เพิ่มทางวิ่งเส้นที่ 3 หรือ 3rd Runway ที่ ทสภ. เพื่อรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 64 เที่ยวบิน เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนั้น จะมีการปรับปรุงหลุมจอดที่ ทดม. โดยอยู่ระหว่างการออกแบบและขออนุญาต โดยจะอนุมัติได้ในเดือนธันวาคม 2567 นี้ และจะเริ่มก่อสร้างช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 - ธันวาคม 2573 4. จัดทำ Application “SAWASDEE” บนสมาร์ทโฟน เพื่อรองรับการบริการผู้ใช้บริการสนามบินมี 10 ฟังก์ชัน มีทั้งการค้า (Commercial) หรือ AOT Point และฟังก์ชันการบริการ อีก 9 รายการ เช่น ด้าน Check-in, Flight & Baggage, Map & Navigation, Transportation, Airport Service, Shopping, Check Flight & Alert, Help Desk เป็นต้น โดยกำลังพัฒนาฟังก์ชันเกี่ยวกับ Customer Feedback และ Contact Us รวมถึง Queue Time และ Taxi Reservation มาใช้ด้วย รวมถึงยังพัฒนาระบบ Common Use Passenger Processing System หรือ CUPPS มาใช้รองรับการบริการที่สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ด้วย
นอกจากนั้น ในเรื่องของการสร้างผลกำไรในฐานะบริษัทมหาชน ก็ให้ความสำคัญกับการสร้างการตลาดเชิงรุกทางการบิน ทั้งการสร้างโอกาสแก่สายการบิน ทั้งการวิเคราะห์ตลาด การเงิน และเส้นทางการบิน รวมถึงให้ความสำคัญกับการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยในอนาคตจะมีสนามบินภูมิภาคโอนจากกรมท่าอากาศยานมาอยู่ในการบริหารของ AOT คือ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานกระบี่ ซึ่งจะต้องมีการร่วมหารือกับทุกฝ่ายทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อยกระดับความสามารถของสนามบินทั้ง 3 แห่ง ให้เป็นประตูบานใหม่ของประเทศที่พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้เข้ามาสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ภูมิภาคดังกล่าวตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS