{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2566 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นกรรมการและเลขานุการ การประชุมฯ ทั้งนี้ กพอ. ได้พิจารณาเห็นชอบ และรับทราบ การดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในเรื่องสำคัญๆ ดังนี้
1. (ร่าง) แผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566 – 2570 มีแนวทางการพัฒนา 5 แนวทาง ประกอบด้วย 1) ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคต 2) เพิ่มประสิทธิภาพและการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค 3) ยกระดับทักษะแรงงานให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและนวัตกรรม 4) พัฒนาเมืองให้มีความทันสมัย น่าอยู่อาศัยและเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ และ 5) เชื่อมโยงประโยชน์จากการลงทุนสู่ความยั่งยืนของชุมชน ตั้งเป้าหมายให้เกิดจำนวนเงินการลงทุนจริงในพื้นที่ ระหว่างปี 2566 - 2570 เพิ่มขึ้น รวม 500,000 ล้านบาท (เฉลี่ย 100,000 ล้านบาทต่อปี) ผลิตภัณฑ์มวลรวมของพื้นที่อีอีซี (GPCP EEC) ขยายตัวร้อยละ 6.3 ประชาชนมีรายได้ และคุณภาพชีวิตดี สังคมดี สิ่งแวดล้อมดี พร้อมเป็นต้นแบบพัฒนาเชิงพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบ เป็นเป้าหมายการเข้ามาลงทุนและอยู่อาศัยของประชากรและนักลงทุนทั่วโลก
2. การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (EEC Visa) โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาลงทุนในพื้นที่อีอีซี สามารถนำคนต่างด้าวเข้ามาภายใต้ EEC Visa ประกอบด้วย 1) ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประเภท Specialist : EEC Visa “S” 2) ผู้บริหาร ประเภท Executive : EEC Visa “E” 3) ผู้ชำนาญการ ประเภท Professional : EEC Visa “P” และ 4) คู่สมรสและผู้ติดตาม ประเภท Other : EEC Visa “O” โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่สำคัญๆ ได้แก่ ได้รับ EEC Work permit อัตโนมัติ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ อัตราคงที่ 17% อายุ VISA สูงสุด 10 ปี ตามระยะเวลาตามสัญญาจ้าง ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สามารถรายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ ใช้ช่องทางพิเศษ (Fast track) ณ สนามบินนานาชาติทั่วประเทศไทย โดยเริ่มขอรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
3. แนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยอยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศ กพอ. เพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการกิจการ มี 5 หลักการที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างนวัตกรรมการให้บริการภาครัฐ การเจรจาสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ การพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน และการติดตามตรวจสอบ ทั้งนี้ ในการเจรจาสิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบกิจการ คณะกรรมการจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ แผนการลงทุน รวมถึงระยะเวลาเริ่มการลงทุนหรือประกอบกิจการ ความสำคัญของกิจการต่อ Supply chain และ Value chain มูลค่าเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบกิจการ การใช้ทรัพยากรในประเทศ ระดับเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการ การถ่ายทอดความรู้ และการช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ
นอกจากนี้ การสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อีอีซี ที่ประชุม กพอ. ได้รับทราบ การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อีอีซี เพื่อให้เกิดความมั่นคงและเพิ่มศักยภาพมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และประชาชน โดยแนวทางบริหารจัดการน้ำที่สำคัญ ๆ สกพอ. ได้ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน การนิคมอุตสาหกรรม กรมธนารักษ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบริหารจัดการน้ำภาพรวมในพื้นที่อีอีซี อาทิ การสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติม กำหนดแนวทางการสูบผันน้ำระหว่างอ่างเก็บน้ำภาครัฐ การอนุญาตให้ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่สร้างเสร็จแล้วในจังหวัดจันทบุรี มาที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยองได้ทันทีหากเกิดกรณีขาดแคลนน้ำ การขยายโครงข่าย ท่อน้ำดิบ ท่อผันน้ำและท่อเชื่อมอย่างบูรณาการ โดยมีการตั้งอนุกรรมการส่งเสริมและกำกับการบริหารจัดการน้ำ เพื่อกำกับดูแลความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อีอีซีได้อย่างต่อเนื่อง
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS