{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร เผยสาเหตุที่ปรากฎการณ์ El Niño ในปีที่ผ่านมาไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวลเนื่องจากขาดปัจจัยอื่น ๆ หนุนเสริม ได้แก่ 1) “ช่วงเวลา” ของการเกิด El Niño ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนพอดี ทำให้พอมีน้ำฝนในพื้นที่ต่าง ๆ บ้าง แม้ว่าจะน้อยลงจากปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลาหลายเดือนติดต่อกันเหมือนกับ El Niño ในฤดูแล้ง และ 2) “ปริมาณน้ำในเขื่อน” อยู่ในระดับสูง จากปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติจากปรากฎการณ์ La Niña ในช่วงปลายปีก่อนหน้า ทำให้พื้นที่เกษตรโดยเฉพาะในเขตชลประทานมีน้ำเพียงพอเพาะปลูกไปได้
ปัจจุบันผลผลิตภาคเกษตรกรรมโดยเฉลี่ยยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่คาดและยังคงเติบโตได้เมื่อเทียบกับปี 2022 หากเปรียบเทียบกับการเติบโตของผลผลิตภาคเกษตรปรับฤดูกาลของเดือน ม.ค. - เม.ย. 2023 เทียบกับปีก่อนหน้าพบว่ายังเติบโตได้ 4.8% ขณะที่ผลผลิตภาคเกษตรในเดือน พ.ค. - ก.ย. 2023 ยังเติบโตได้ 1.57% เช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกภูมิภาคหรือทุกสินค้าเกษตรจะได้รับผลกระทบจาก El Niño เท่ากัน โดยสินค้าเกษตรที่จะได้รับผลกระทบจาก El Niño ถ้าพิจารณาฤดูกาลเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะพบว่ากลุ่มพืชไม้ยืนต้น เช่น ปาล์มน้ำมันและยางพารา ที่มีผลผลิตออกมาตลอดทั้งปีและต้องการน้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่า จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก ในทางตรงกันข้าม กลุ่มพืชไร่ที่เพาะปลูกแบบปีต่อปีและต้องการน้ำค่อนข้างมาก โดยเฉพาะข้าวนาปรังและมันสำปะหลัง ที่มีรอบการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าจะได้รับผลกระทบมากกว่า
ขณะเดียวกัน ผลกระทบของ El Niño ต่อประเทศอื่นทำให้เริ่มมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหารในอนาคตบ้างแล้วและทำให้ราคาสินค้าเกษตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าว จะเป็นโอกาสของเกษตรกรไทย เพราะไทยบริโภคข้าวเพียง 55% ของการผลิตข้าวทั้งหมดประมาณ 20 ล้านตันในแต่ละปี และสามารถส่งออกข้าวที่เหลืออีก 45% หรือประมาณ 6-8 ล้านตัน ดังนั้น จากสถานการณ์ของผลผลิตเกษตรที่แม้จะไม่ได้เติบโตขึ้นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้หดตัวอย่างรุนแรง กลับยังได้รับอานิสงส์จากการที่สามารถส่งออกข้าวในราคาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มของ El Niño ที่จะลากยาวเข้าสู่ฤดูแล้งในช่วงปลายปี 2023 ต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2024 อาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรในปี 2024 ได้ค่อนข้างมากจากฝนที่อาจทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะข้าวนาปรังที่จะเริ่มเพาะปลูกในช่วงปลายปีนี้และเก็บเกี่ยวไปจนถึงกลางปีหน้า ขณะที่น้ำในเขื่อน แม้ว่าในช่วงกลางปีที่ผ่านมาจะลดต่ำลงจนน่าเป็นห่วง แต่ในช่วงเดือนที่ผ่านมาฝนตกมากกว่าที่คาดเติมน้ำในเขื่อนหลายแห่งจนอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ด้วยปัจจัยหนุนเสริมทั้ง 2 ประการ KKP Research คาดการณ์ว่าผลผลิตภาคเกษตรในปีนี้จะสามารถยืนระยะต่อไปได้ แต่จะไม่ได้ขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปีหน้าผลผลิตอาจชะลอตัวลงเล็กน้อยจากความเสี่ยงที่ El Niño จะยาวนานกว่าที่คาด แต่ด้วยน้ำในเขื่อนในระดับสูงเพียงพอจะช่วยบรรเทาผลกระทบไปได้ส่วนหนึ่ง ขณะที่รายได้ของภาคเกษตรในปีนี้และปีต่อไปคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าปีก่อนจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นมากชดเชยผลผลิตที่ไม่ได้เติบโตสูงมากนัก
สุดท้ายจากภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศที่แปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเตรียมความพร้อมและเพิ่มการลงทุนของภาคเกษตร โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจะมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยผ่านเกษตรกรที่ยังเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว การลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานยังจะช่วยลดความเสี่ยงของผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่อเศรษฐกิจไทยและสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทยในระยะยาวด้วย
[อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ https://media.kkpfg.com/document/2023/Nov/KKP%20Research_why-el-nino-has-less-effect-than-expected.pdf ]
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS