BC ทำผลงาน 9 เดือน ปี 66 รายได้รวม 276 ล้านบาท โต 91%

บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC) เผยรายได้รวม 9 เดือน โต 91% ที่ 276 ล้านบาท ผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่องแม้อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ไฮไลท์กลุ่มธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์โตพีค

นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีผลประกอบการเฉพาะกิจการของบริษัท ในพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยมีกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (core EBITDA) เป็นบวกที่ 1.1 ล้านบาท เทียบกับการติดลบระดับ 14.9 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม 42.8 ล้านบาท ลดลง 8.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น

โดย กลุ่มธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งสิ้น 9 โครงการ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มพื้นที่ คือ กรุงเทพฯ ซึ่งมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 82.0% โดยรายได้รวมจากโครงการในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 66.1 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 31.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และโครงการในต่างจังหวัด รายได้รวมอยู่ที่ 34.7 ล้านบาทในไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้น 132.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากผลของการฟื้นตัวต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ฤดูกาลท่องเที่ยวและเทศกาลปีใหม่

สำหรับโครงการรีเทลของบริษัทฯ โครงการซัมเมอร์พ้อยท์ สร้างการเติบโตอย่างโดดเด่น มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 89% ในช่วงไตรมาส 3/2566 โดยได้แรงหนุนหลักจากทีมบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ระดับการเช่าพื้นที่ที่สูงขึ้นนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนให้สนใจซื้อโครงการนี้

ขณะท การดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 BC มีรายได้รวมอยู่ที่ 276.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และสะท้อนถึงภาพรวมของตลาดในเชิงบวก อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ดีขึ้น โดยเป็นลบลดลงอยู่ที่ 5.3 ล้านบาท จากเดิมเป็นลบ 20.7 ล้านบาทในไตรมาส 2/2566 ในขณะที่งวดเก้าเดือนปี 2566 EBITDA ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เป็นข้อบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง