CAAT จัดสัมมนา “กลับคืนน่านฟ้า มุ่งหน้าสู่อนาคต”

นายมนตรี เดชาสกุลสม รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาอุตสาหกรรมการบินของไทย ครั้งที่ 2 “กลับคืนน่านฟ้า มุ่งหน้าสู่อนาคต” เพื่อสื่อสารทิศทางและนโยบายเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต พร้อมทั้งรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การบูรณาการแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศให้ครอบคลุมทุกมิติ และพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบินและการขนส่งทางอากาศในระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต ร่วมด้วย นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และ Mr. Tao Ma ผู้อำนวยการภูมิภาค สำนักงานสาขาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ICAO APAC) รวมทั้งผู้ประกอบการด้านการบิน เข้าร่วมงานกว่า 400 คน

นายมนตรี เดชาสกุลสม กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้มีการกำหนดแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ที่มุ่งเน้นถึงการปรับปรุงระบบคมนาคมให้เป็นประตูสู่ประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินทั่วประเทศให้สามารถรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น กระทรวงคมนาคม จึงได้มีนโยบายสำคัญด้านอุตสาหกรรมการบินเพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานและการขนส่งทางอากาศซึ่งอยู่ในนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ด้านที่ 1 “คมนาคม เปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว สร้างการเป็น HUB เพื่อการเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ” โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

1) การดำเนินงานระยะเร่งด่วนภายใน 1 ปี โดยมอบหมายให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ดำเนินการจัดสรรเวลาการบินให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต่อสัปดาห์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น

2) การดำเนินงานระยะกลาง 1-3 ปี ที่มุ่งเน้นถึงการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานที่มีอยู่ในปัจจุบัน

3) การดำเนินงานระยะยาว 5-7 ปี คือการพัฒนาขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีข้อจำกัดในการขยายพื้นที่ เช่น การก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานล้านนา และท่าอากาศยานพังงา (ภูเก็ตแห่งที่ 2) หรือท่าอากาศยานอันดามัน

ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการจัดตั้งสนามบินพาณิชย์ของประเทศที่ กพท. ได้จัดทำไว้ ซึ่งคาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 50 ล้านคนต่อปี

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและต้นทุนด้านพลังงาน โดยมอบหมายให้ กพท. ศึกษาและกำหนดมาตรการเรื่องการใช้น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO กำหนด การจัดงาน

ภายในงาน ยังมีการการบรรยาย ในหัวข้อ “ทิศทางของอุตสาหกรรมการบินและแนวทางสู่ความยั่งยืน” โดย นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่นำเสนอเกี่ยวกับ การรับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติมาขับเคลื่อนให้มีการจัดทำนโยบายด้านการบินพลเรือนฉบับแรกของประเทศที่มีเป้าหมายสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยระบบคมนาคมขนส่งทางอากาศที่มีคุณภาพ ต้นทุนเหมาะสม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบการบินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเกิดผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนในทุกมิติ โดย CAAT ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2566 - 2571 เพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมมิติต่าง ๆ ทั้งด้านมาตรฐานสากล ด้านการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ด้านคุณภาพการบริการและด้านประสิทธิภาพและการพัฒนาองค์กร นอกจากนี้ CAAT ยังได้จับมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมจัดทำแผนแม่บท หรือ Drone Master Plan ให้ออกมาเป็น Roadmap สำหรับประเทศไทย ที่มีรายละเอียดครบทุกมิติอีกด้วย


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment