WAVE BCG และ Climate Offset Accelerator ร่วม Token X ศึกษาความเป็นไปได้ในการออกโทเคนดิจิทัลที่มี RECs เป็นสินทรัพย์อ้างอิงส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน

บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด หรือ WAVE BCG ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE และ บริษัท ไคลเมท ออฟเซ็ท แอ็คเซลเลอเรเทอร์ จำกัด หรือ Climate Offset Accelerator ผู้ออกโทเคนดิจิทัล ร่วมกับ บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด หรือ Token X ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ซึ่งอยู่ภายใต้ กลุ่มธุรกิจทางการเงินเอสซีบี เอกซ์ (SCBX) ในการศึกษาการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่มีใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Enegy Certificates: RECs) เป็นสินทรัพย์อ้างอิง โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ในการส่งเสริมการพัฒนาและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเบื้องต้นทุกฝ่ายศึกษาความเป็นไปได้ในการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลทั้งในรูปแบบโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Tokens) และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Tokens)

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WAVE BCG จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างเสถียรภาพด้านการลดก๊าซเรือนกระจกที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการภายใต้ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการบรรลุเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และจากการประชุม Climate Ambition Summit 2023 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ให้คำมั่นในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตั้งเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 ตลอดจนเพิ่มเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions: NDC) ที่เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 40% ภายในปี พ.ศ. 2573

นอกจากนี้ยังมีกลไกด้านการลดก๊าซเรือนกระจกจากต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรปบังคับใช้กลไกการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยประมาณ 14,700 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกาอยู่ระหว่างการเสนอ Clean Competition Act หรือ CCA ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในอนาคต เป็นต้น รวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศสิงคโปร์มีการบังคับใช้ภาษีคาร์บอน โดยมีอัตราภาษีเริ่มต้น 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันคาร์บอน ในปี พ.ศ. 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 25 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันคาร์บอน ในปี พ.ศ. 2567 – 2568 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 45 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันคาร์บอน ในปี พ.ศ. 2569 – 2570 อีกทั้งมีแรงกดดันจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และกองทุนที่ระดมเงินทุนจากผู้ลงทุน (Private Equity Fund) จะไม่สามารถลงทุนในบริษัทที่มีคะแนน ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ต่ำ ซึ่งจากแรงกดดันดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันและเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างประเมินค่าไม่ได้ จึงต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ความได้เปรียบภายใต้ข้อกำหนดด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังกล่าว และยังคงความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก รวมถึงป้องกันการกีดกันทางการค้าภายใต้กลไกรักษ์โลก

โดย นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) บริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) กล่าวเสริมว่า “Token X เล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญของโทเคนดิจิทัล ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Asset Class ที่จะเข้ามามีบทบาทในโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นคำตอบของภาคธุรกิจและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการนำโทเคนดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนประสานเข้ากับธุรกิจ สินทรัพย์ และโครงการของผู้ประกอบ การ เพื่อผลักดันในเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของทุกคนอย่างยั่งยืน

หนึ่งในความท้าทายของประเทศไทยที่ต้องเผชิญคือ ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงในการได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับ 9 ตามการรายงานของ German Watch รวมไปถึงการประเมินของ Climate Action Tracker ได้ประเมินว่า หากประเทศไทยยังดำเนินมาตรการตามแบบปัจจุบันต่อไป (Critically Insufficient) จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ อีกทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยใน ปี พ.ศ. 2562 ปล่อยกว่า 372 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เป็นอันดับ 20 ของโลก โดยภาคพลังงานมีสัดส่วนการปล่อยมากถึง 70% ของมวลรวมทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่สัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศมีเพียง 13% ของพลังงานไฟฟ้ามวลรวมทั้งหมด


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment