กลุ่มบางจากปิดครึ่งปีแรก รายได้รวม 148,403 ล้านบาท

กลุ่มบริษัทบางจากรายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 148,403 ล้านบาท มี EBITDA 17,620 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 3,199 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.16 บาท

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในครึ่งแรกของปี 2566 แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายและได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ผันผวน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 78.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงจาก 102.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในครึ่งปีแรกของปี 2565 และมี Inventory Loss จำนวน 2,952 ล้านบาท กลุ่มบริษัทบางจากยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานและทำรายได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 148,403 ล้านบาท คิดเป็น EBITDA 17,620 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 5,402 ล้านบาท จากค่าการกลั่นพื้นฐาน (Operating GRM) ปรับลดลงจาก 15.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในครึ่งแรกของปี 2565 มาอยู่ที่ 8.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักมาจาก Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์ปรับลดลงตามภาวะตลาดโลก โดยในครึ่งแรกของปีมีการรับรู้ Inventory Loss 3.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลหรือเทียบเท่า 2,443 ล้านบาทตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ทั้งนี้ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ยังคงอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่สูงในระดับ 121,700 บาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 101 ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 1,290 ล้านบาท โดยค่าการตลาดรวมสุทธิต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถปรับราคาขายปลีกให้สอดคล้องกับต้นทุนน้ำมันได้มากขึ้น ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อยู่ที่ 3,191 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของน้ำมันอากาศยาน รวมถึงการผลักดันยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA รวม 1,841 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากการทยอยสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ และการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการหยุดผลิตไฟฟ้าเพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยังการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ทั้งนี้ BCPG ได้มีการประกาศเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 4 โครงการในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เพิ่มกำลังการผลิตจาก 390.7 เมกะวัตต์เป็น 968.7 เมกะวัตต์

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 245 ล้านบาท โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลมีกำไรขั้นต้นปรับลดลงจากราคาขายไบโอดีเซล กลีเซอรีนดิบและกลีเซอรีนบริสุทธ์ที่อ่อนตัว ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลมีรายได้จากการขายและกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากราคาขายเอทานอลเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Products (HVP) มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับการดูแลและส่งเสริมสุขภาพภายใต้แบรนด์ B nature+

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA รวม 9,115 ล้านบาท ปริมาณจำหน่ายของ OKEA เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 93 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายมากกว่ากำลังการผลิตตามสัญญาอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 1 ของปี 2566 และการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งแรกของปี 2566 จากแหล่งผลิตที่รับโอนกิจการมาจาก Wintershall Dea ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและให้บริการ 68,023 ล้านบาท EBITDA 6,628 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 458 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.24 บาท โดยในไตรมาส 2 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลงต่อเนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกถูกกดดันและมีอุปทานส่วนเกินล้นตลาด ส่งผลให้มี Inventory Loss 1,036 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติมีปริมาณการผลิตใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ปี 2566 แต่ปริมาณจำหน่ายลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ซึ่งมีปริมาณการจำหน่ายมากกว่ากำลังการผลิตตามสัญญาอย่างมีนัยสำคัญ กลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นมีปริมาณการจำหน่ายสูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศ สปป.ลาว ได้เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในเดือนมิถุนายน 2566


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment