ธ.ก.ส.ลุยยาว Go Green

ธ.ก.ส. พอใจ Go Green เข้าเป้าเดินหน้าต่อ เร่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน อัด 4 แสนล้านครึ่งปีหลัง สานนโยบายรัฐยกระดับชุมชน

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือน ของธ.ก.ส. เตรียมวงเงินไว้ 400,000 แสนล้าน เพื่อสนับสนุนเกษตรกรตามนโยบายของธนาคารและ อีก 80,000 ล้านบาท ตามนโยบายของรัฐบาล และธ.ก.ส. ยังเดินหน้านโยบาย Go Green ส่งเสริมการผลิตอาหารปลอดภัยและการทำเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่การปลูกสู่การแปรรูป และการจำหน่าย การเพิ่มช่องทางการตลาด รวมทั้งผลักดันให้สินค้าเกษตรได้รับมาตรฐานรับรอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายยกระดับชุมชน เพิ่มศักยภาพของเกษตรกรให้มีรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ผลการดำเนินการตามนโยบาย Go Green ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีบัญชี 2562 มีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 700 ชุมชม แบ่งเป็นเกษตรกรที่ทำการผลิตเกษตรปลอดภัย (GAP) จำนวน 774 ราย พื้นที่ 3,649 ไร่ เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองการผลิตแบบมีส่วนร่วม (PGS) จำนวน 2,569 ราย พื้นที่ 12,804 ไร่ และเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับมาตรฐาน Organic Thailand หรือ IFOAM และมาตรฐานอื่น ๆ จำนวน 1,494 ราย พื้นที่ 5,736 ไร่ รวมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยทั้งสิ้น จำนวน 4,837 ราย พื้นที่ 22,189 ไร่ จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะมีชุมชนร่วมไม่ต่ำกว่า 400 ชุมชน เกษตรกรเข้าร่วม 4,000 ราย พื้นที่ 40,000 ไร่

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น กรมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์ไทย มูลนิธิรักษ์ดินรักษ์น้ำ Earth Safe และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการเกษตรลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ขับเคลื่อนการผลิตอาหารปลอดภัยและการทำเกษตรอินทรีย์สู่วงกว้าง เพื่อส่งผลผลิตให้กับ Modern Trade โดยมีแผนเชื่อมโยงชุมชน 9 แห่ง ในการผลิต และมีการนำร่องโครงการ 459 บ้านไร่ ตำบลบ้านไร่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมถึงสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ร้อยเอ็ด จำกัด ที่สนับสนุนเกษตรกรปลูกข้าวหอมมะลิ GAP และอินทรีย์ โดยเชื่อมโยงกับโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 352 ราย พื้นที่ 7,136 ไร่ โดย สกต. รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรมาแปรรูปเป็นข้าวสาร A-Rice เพื่อจำหน่าย

ขณะเดียวกันธ.ก.ส.ได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ทุกจังหวัดดำเนินโครงการ Projected Based เพื่อสนับสนุนเกษตรอินทรีย์จำนวน 78 โครงการ พื้นที่การเกษตร 126,441 ไร่ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดย ธ.ก.ส. ได้กำหนดเครื่องหมาย A-Green เพื่อแสดงถึงผลผลิตที่ ธ.ก.ส.ให้การสนับสนุนแก่เกษตรกร ชุมชน ทั้งด้านการผลิต การตลาดและสินเชื่อ ในส่วนของ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ 459 อาคารบางเขน โดยจัดอบรมให้ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แก่พนักงาน ผู้ช่วยพนักงานและแม่บ้าน พร้อมใช้พื้นที่บริเวณโดยรอบสำนักงานปลูกพืชผักปลอดสารพิษ เพื่อใช้บริโภค ส่วนที่เหลือแบ่งปันและจำหน่าย เพื่อให้พนักงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

นายอภิรมย์ กล่าวอีกว่า ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการยกระดับธนาคารต้นไม้ จำนวน 6,836 ชุมชน สู่ชุมชนไม้มีค่า เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าแล้วกว่า 1,974 ชุมชน และร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme) หรือ LESS ปัจจุบันมีชุมชมเข้าร่วมแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ บ้านท่าลี่ จังหวัดขอนแก่น บ้านถ้ำเสือ จังหวัดเพชรบุรี บ้านนาซำจวง จังหวัดหนองบัวลำภู และบ้านศรีเจริญ จังหวัดพิษณุโลก คิดเป็นจำนวนที่กักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 150,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ด้านการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ธ.ก.ส. มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของคนในชุมชนประกอบด้วย กิจกรรมการผลิตโดยใช้ทรัพยากรภายในชุมชน การขายผลผลิต การซื้อและบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน มีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเกื้อกูลและเป็นธรรม เริ่มจากการค้นหาศักยภาพและความต้องการของชุมชน นำไปสู่พัฒนาการยกระดับเป็นธุรกิจชุมชน มีการบูรณาการความร่วมมือกับส่วนงานทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อที่ตรงความต้องการ เพื่อให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีสวัสดิการสังคม มีโอกาสทางการตลาดมากขึ้น นำไปสู่ความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก

ธ.ก.ส. ยังสนับสนุนช่องทางการตลาด ทั้งตลาด Offline ได้แก่ ตลาดชุมชน ตลาด อตก. Modern Trade ตลาดไทยเด็ดที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ร้านอาหาร โรงพยาบาล และตลาดประชารัฐที่ตั้งอยู่ในบริเวณ ธ.ก.ส. สาขาต่าง ๆ และตลาด Online ได้แก่ Platform A-Farm Mart ซึ่งมีสินค้าจากเกษตรกรที่ถูกคัดสรรคุณภาพกว่า 1,700 รายการ จากทั่วประเทศ ให้สามารถเลือกซื้อได้ง่าย ๆ ผ่านทางออนไลน์ ส่งตรงถึงบ้าน ซึ่งปัจจุบันมียอดจำหน่ายแล้วกว่า 56.9 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังมีความพร้อมในการขับเคลื่อนแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลไปสู่เกษตรกรผ่านโครงการประกันรายได้พืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิด คือ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด รวมถึงมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ที่จะช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกร

โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากไปแล้วกว่า 34,600 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ในอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ วงเงิน 24,810 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.31 ล้านครัวเรือน ดำเนินการโอนเงินแล้ว จำนวน 3.99 ล้านครัวเรือน เป็นเงิน 23,929 ล้านบาท โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562-2563 วงเงิน 13,000 ล้านบาทเป้าหมายเกษตรกร 263,107 ครัวเรือน ดำเนินการโอนเงิน รอบที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ไปแล้ว 254,667 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,351 ล้านบาท โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2562/63 วงเงิน 20,940 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.31 ล้านราย มีเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องได้รับเงินในรอบที่ 1 ทั้งสิ้น 349,300 ครัวเรือน โดย ธ.ก.ส. โอนเงินเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ไปแล้วกว่า 9,411 ล้านบาท และโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 ซึ่งมีเป้าหมายเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งเจ้าของสวนและคนกรีดยางรวมกว่า จำนวน 1.7 ล้านราย ที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลการปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย โดยเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณกว่า 23,472 ล้านบาท ซึ่งเริ่มดำเนินการโอนเงินได้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน62 เบื้องต้นมีเกษตรกรที่จะได้รับสิทธิประมาณ 52,000 คน จำนวนเงิน 180 ล้านบาท


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment