SO เทงบประเดิม 200-300 ล้านบาท ยกระดับบริการให้เช่ารถ

สยามราชธานี (SO) เตรียมทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาท สร้าง New S-Curve ขยายฐานการให้บริการเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม พร้อมเล็งควบรวมกิจการในธุรกิจ Cyber Security, IT และ Reskill Platform ก้าวสู่บริษัท Tech Company โดยครึ่งปีหลังทุ่ม 200-300 ล้านบาท ยกระดับการบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า

นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำและ เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนระยะยาวภายใต้กรอบงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ (New S-Curve) ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ในระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปยัง 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.) ธุรกิจ Outsource เพื่อช่วยขยายขอบเขตการให้บริการของ SO โดยเฉพาะบุคลากรที่ต้องใช้ทักษะสูง เช่น โปรแกรมเมอร์ ช่างเทคนิค 2.) ธุรกิจ Technology ที่ช่วยสร้างสรรคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์การให้บริการธุรกิจ Outsource และ 3.) ธุรกิจ Professional Training ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มทักษะแรงงานตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้

ทั้งนี้ในครึ่งปีหลัง บริษัทได้เตรียมใช้งบ 200-300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจกลุ่ม Fleet Management ยกระดับการให้บริการเช่ารถยนต์พร้อมเทคโนโลยี รวมถึงบริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) ในการขนส่งและการโดยสารในนิคมอุตสาหกรรมตอบสนองนโยบาย Carbon Neutrality ในภาคอุตสาหกรรม พร้อมระบบบริการแอปพลิเคชันสำหรับเช่ารถ (Vehicle Management Service) ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้รถยนต์รวมถึงการจัดการข้อมูลรถยนต์ และอัปเดตข้อมูลต่างๆ แบบเรียลไทม์จบภายในแอปเดียว

โดย SO ได้มีการทรานฟอร์ม (Transform) จากการเป็นบริษัทที่ส่งมอบพนักงานไปสู่บริษัทที่ส่งมอบกระบวนการและเทคโนโลยี โดยการจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริการ Outsource เพื่อ Digitize กระบวนการต่างๆ เกิดเป็นข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนากระบวนการให้รวดเร็วขึ้น มีต้นทุนต่ำลง และวัดผลได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำเอาเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยเติมเต็มความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจ รวมถึงทดแทนกระบวนการทำงานซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนให้บริการ Outsource ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักการดำเนินงานในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย หลังจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 ทำรายได้รวม 592 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท รายได้และกำไรสุทธิเติบโต 6.71% และ 15.84% ตามลำดับเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับคู่สัญญาเพิ่มเติมอีกมูลค่า 500 ล้านบาท และมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตที่ 15% อย่างแน่นอน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment