กบร. เห็นชอบยกระดับมาตรฐานใบอนุญาตช่างซ่อมอากาศยาน /ทบทวนแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติเทียบเคียงสากล

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 โดยมีมติที่ประชุมที่สำคัญ ดังนี้

(1) ร่างข้อบังคับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่ .. ว่าด้วย คุณสมบัติและสิทธิทำการของผู้ขออนุญาตเป็นผู้ประจำหน้าที่นายช่างภาคพื้นดินเพื่อพัฒนาและยกระดับกฎระเบียบด้านมาตรฐานคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตเป็นผู้ประจำหน้าที่นายช่างภาคพื้นดินรวมถึงสิทธิทําการของผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ลดขั้นตอนให้เกิดความสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) จึงเสนอ กบร. เพื่อยกเลิกข้อบังคับฉบับเดิม (ข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 77 ว่าด้วยคุณสมบัติและสิ¬ทธิทำการของผู้ขออนุญาตเป็นนายช่างภาคพื้นดิน บังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2551) และขอความเห็นชอบร่างข้อบังคับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่ .. ว่าด้วย คุณสมบัติและสิทธิทำการของผู้ขออนุญาตเป็นผู้ประจำหน้าที่นายช่างภาคพื้นดิน ซึ่งเป็นร่างข้อบังคับฉบับใหม่แทน

การปรับปรุงร่างข้อบังคับฉบับนี้ เทียบเคียงกับมาตรฐานของสำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA), Part-66 Aircraft Maintenance License (AML) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อันจะส่งผลให้ดีกับประเทศไทย ในการยกระดับมาตรฐานผู้ถือใบอนุญาตนายช่างภาคพื้นดินและอุตสาหกรรมการบิน ทำให้ช่างซ่อมอากาศยานของไทยที่ถือใบอนุญาตมีมาตรฐานคุณสมบัติเทียบเคียงสากล ยกระดับมาตรฐานข้อบังคับให้เป็นปัจจุบันและมีมาตรฐานชัดเจนเทียบเท่านานาชาติ รวมถึงสามารถปฏิบัติได้จริงอย่างเป็นระบบ โดยร่างข้อบังคับ ฯ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มผู้ถือใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ นายช่างภาคพื้นดินของสายการบิน ผู้ให้บริการหน่วยซ่อมอากาศยาน และสถาบันฝึกอบรมนายช่างภาคพื้นดิน รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์คือการประชุมเฉพาะกลุ่ม (Focus Group) และการรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของ CAAT

เมื่อร่างข้อบังคับ ฯ ผ่านการเห็นชอบจาก กบร. แล้ว ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะดําเนินการออกข้อบังคับ ฯ และนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป คาดว่าจะมีผลก่อนสิ้นปีนี้

(2) การแก้ไขปรับปรุงแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 กรอบทางกฎหมายด้านการบินพลเรือนระหว่างประเทศซึ่งบัญญัติไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ค.ศ. 1944 (Convention on International Civil Aviation) หรืออนุสัญญาชิคาโก ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กำหนดให้รัฐภาคีต้องจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ (National Civil Aviation Security Programme : NCASP) ซึ่งมีความสำคัญในระดับกฎหมายลำดับรองเพื่อให้กิจการการบินของประเทศมีความมั่นคงปลอดภัย ปลอดจากการกระทําอันเป็นการแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ประเทศไทยได้จัดทำแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ โดยได้รับการอนุมัติจาก กบร. มีผลใช้บังคับตั้งแต่ พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา และได้มีการแก้ไขปรับปรุงแผน ฯ เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนของประเทศไทย อีกทั้งเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานจริงของผู้ดำเนินการรักษาความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนเพิ่มมากขึ้นเป็นระยะมาอย่างต่อเนื่อง

การเสนอเพื่อปรับปรุงแก้ไขแผนฯ ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 เพื่อยกระดับมาตรการการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนของประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อพึงปฏิบัติล่าสุดของภาคผนวกที่ 17 ของอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ซึ่งเพิ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมล่าสุด (ครั้งที่ 18) ซึ่งนอกจากจะเป็นการปรับมาตรฐานของไทยให้สอดคล้องกับสากลแล้ว ยังสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อป้องกันปัญหาการตีความและความไม่ชัดเจน สําหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติอีกด้วย

ทั้งนี้ ร่างปรับปรุงแก้ไขแผน ฯ ดังกล่าวได้ผ่านการกลั่นกรองและการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติและผู้ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment