อนุญาโตฯ สิงคโปร์ให้ “ณพ ณรงค์เดช” ชำระหนี้ค่าหุ้น WEH ที่ค้างให้ “นพพร” 805 ล้านเหรียญสหรัฐ

ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของ ICC ที่สิงคโปร์ มีคำสั่งชี้ขาดให้ “ณพ ณรงค์เดช” ชำระค่าหุ้น WEH ที่เหลือจำนวน 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ย 15% รวมทั้งสิ้น 805 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับนายนพพร ศุภพิพัฒน์ และเจ้าหนี้ “ณพ” ด้านคดีความที่ศาลแพ่งอังกฤษคาดมีคำพิพากษาภายในปีนี้ ขณะที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่ “นพพร” ฟ้อง “ณพและดาว ณรงค์เดช” กรณีเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้วมีการเผยแพร่

นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้น WEH และเจ้าหนี้ของนายณพ ณรงค์เดช เปิดเผยถึงความคืบหน้าของข้อพิพาทระหว่างตนเองและนายณพ ว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของ ICC ประเทศสิงคโปร์มีคำสั่งชี้ขาดให้กลุ่มนายณพ ณรงค์เดช ชำระค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ย 15% ต่อปี รวมเป็นจำนวนเงิน 805 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับกลุ่มของตน พร้อมยังระบุไว้ในคำชี้ขาด ว่า “ผู้คัดค้าน (คือ กลุ่มบริษัทของนายณพ ณรงค์เดช) ควรชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลือตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมาแล้ว และเนื่องจากการที่ผู้คัดค้านไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น อันส่งผลให้ผู้เรียกร้อง (คือ กลุ่มบริษัทของนายนพพร ศุภพิพัฒน์) จำเป็นต้องยื่นคำเสนอข้อพิพาทและดำเนินคดีเป็นคดีชั้นอนุญาโตตุลาการในศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของ ICC ปี 2559 รวมถึงเข้าต่อสู้จากการถูกผู้คัดค้านฟ้องร้องในคดีชั้นอนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับที่ดิน สปก. (ซึ่งกลุ่มบริษัทของนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ชนะในคดีดังกล่าว) และข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านในคดีนี้ก็ได้รับการวินิจฉัยแล้วตามคำชี้ขาดฉบับสุดท้ายในคดีเกี่ยวกับที่ดิน สปก. ปี 2564 กรณีดังกล่าวจึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้คัดค้านจะยังคงไม่ชำระเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากที่มีคำชี้ขาดในคดีดังกล่าวแล้ว”

“จากผลของคำขี้ขาดเห็นได้ชัดว่าอะไรคือความจริง ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว ผมหวังว่าจากผลคำชี้ขาดของศาลที่ออกมานี้จะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาแนวทางร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และทำให้ WEH สามารถที่จะเดินหน้าต่อไป จนสามารถเข้าสู่กระบวนการ IPO ได้ ตลอดเวลาผมตระหนักดีว่า ปัญหาการฟ้องร้องระหว่างผมและคุณณพ สร้างผลกระทบให้กับบุคคลหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถือหุ้นเดิม ที่พร้อมและเต็มใจเข้ามาลงทุนเพราะเห็นศักยภาพของบริษัท ผมไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา” นายนพพร กล่าว

ที่ผ่านมา นายนพพร ยังได้ยื่นฟ้อง นายณพ และนางพอฤทัย ณรงค์เดช ภรรยา ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ภายหลังจากที่ทั้งสอง ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัว ที่บิดเบือนความจริง จนทำให้บุคคลทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องการเผยแพร่ข่าวที่ลงคำตัดสินของศาลสิงคโปร์ ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นวินด์เข้าใจผิดว่า ข้อพิพาททั้งหมดสิ้นสุดแล้ว และไม่มีหนี้ที่ต้องชำระ จนทำให้คนจำนวนมากแสดงความยินดีและแชร์ข้อมูลที่ทั้งนายณพและนางพอฤทัยลงในสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวของทั้งสองคน แต่เปิดเป็นสาธารณะไว้ออกไป ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อตน และคดีความอื่นๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่

ซึ่งต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีการไต่สวนมูลฟ้องคดีดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดี โดยให้เหตุผลสรุปว่า เมื่อได้ความจากพยานโจทก์ว่ามีการก่อ จ้างวาน ใช้ เพื่อนำข้อมูลที่เป็นเท็จดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้วมีการเผยแพร่ การกระทำของจำเลยทั้งสอง (นายณพ ณรงค์เดช และนางพอฤทัย ณรงค์เดช) จึงมีมูลความผิดตามฟ้อง โดยศาลนัดสอบคำให้การของนายณพ ณรงค์เดช และนางพอฤทัย ณรงค์เดช ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 เวลา 9.00 น. ซึ่งนายณพ ณรงค์เดช และนางพอฤทัย ณรงค์เดช จะต้องทำเรื่องประกันตัวให้เรียบร้อยภายในวันดังกล่าว

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ศาลได้นับสืบพยานครั้งแรกในคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ คดีดำ 157/2561 ที่ศาลแขวงพระนครใต้ โดยกลุ่มบริษัทของนายนพพร (โจทก์) ได้ยื่นฟ้องนายณพ นางพอฤทัย กับ พวกร่วมกันโกงเจ้าหนี้กลุ่มบริษัทนายนพพรโดยการโอนหุ้น WEH ไปให้นายเกษม ณรงค์เดช ซึ่งเป็นบิดาเพื่อให้โจทก์ไม่สามารถบังคับเอาเงินค่าหุ้นตามสัญญาจากบริษัทจำเลยได้ เนื่องจากหุ้นดังกล่าวเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทลูกหนี้ คดีนี้ศาลสั่งมีมูลประทับรับฟ้องและให้จำเลยประกันตัวตั้งแต่ปลายปี โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ทราบผลคดี


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment