PPS ปักเป้ารายได้ปี 66 โต 10% ชูกลยุทธ์ Digital Disruption

PPS กางแผนธุรกิจปี 66 ตั้งเป้ารายได้โต 10% ชูกลยุทธ์พัฒนาระบบสารสนเทศเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ยื่นขอ ISO 14001 ขานรับภาวะโลกร้อน สร้างการเติบโตยั่งยืน มุ่งเน้นให้บริการหลากหลาย พร้อมประมูลงานใหม่เพิ่ม ด้านโครงการ Headland Cape Yamu ปรับแผนการตลาด รับมือการท่องเที่ยวภูเก็ตคึกคัก

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษั ท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายผลประกอบการเติบโต 10% โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาระบบสารสนเทศเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ขานรับภาวะโลกร้อนสร้างการเติบโตยั่งยืน โดยมีแผนการดำเนินงาน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย

1. พัฒนาการบริหารงานก่อสร้าง โดยบริษัทมีแผนนำเทคโนโลยีเข้าไปในขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นระบบ และมีความชัดเจนในกระบวนการทำงานมากขึ้นรวมถึงการอบรมระบบมาตรฐานใหม่ ให้พนักงานมีความเข้าใจ ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การพัฒนาระบบสารสนเทศ เพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดในงานก่อสร้างของบริษัท รวมถึงวางแผนจำหน่ายและให้บริการด้านซอล์ฟแวร์ ภายใต้ชื่อ KANNA เป็นโปรแกรมชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นสำหรับงานบริหาร และควบคุมโครงการให้แก่ลูกค้าบริษัทอื่นเพื่อสร้างฐานรายได้ประจำ อีกทั้งเตรียมขอมาตรฐานด้าน IT หรือ ISO 20000-1 ที่เป็นมาตรฐานสากลสำหรับบริหารจัดการบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

3. การพัฒนาอย่างยั่งยืนในงานก่อสร้าง วางแผนขอมาตรฐาน ISO 14001 สำหรับบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นองค์กรที่ตรวจวัด Carbon Credit Equivalent ได้ และได้รับการรับรองจากองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก โดยปีนี้ภาครัฐประกาศให้มีการบังคับใช้นโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) คาดว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่มองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับลดคาร์บอน ซึ่ง PPS มีความพร้อมในการเป็นที่ปรึกษา จากประสบการณ์ที่บริษัทมีการบันทึกคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2561 และรับรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงาน 2566 บริษัทมีโอกาสรับงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานกลุ่มสนามบิน กลุ่มงานกรมโยธา งานห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก - ใหญ่ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 570ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท และเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นเสนองานภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการที่ทยอยลงทุนหลายงานตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ทิศทางอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ตขยายตัวเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯ ที่มีมูลค่า 50-200 ล้านบาท โดยโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามูจ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) อยู่ระหว่างปรับแผนการตลาดเพื่อปิดการขายให้ได้ตามเป้า ได้อย่างน้อย 2 หลังในปีนี้ ทั้งนี้ โครงการเฟสแรกจำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 240 ล้านบาทต่อยูนิต ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 2 หลัง


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment