{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF ประกาศผลงานไตรมาส 3/65 กวาดรายได้จากการขาย 579.3 ล้านบาท เพิ่ม 12.3% และทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 71.8 ล้านบาท เพิ่ม 55.5% ดันผลงานในงวด 9 เดือนแรกเติบโตแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขายรวม 1,729.0 ล้านบาท เพิ่ม 20.4% และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 131.2 ล้านบาท เพิ่ม 45.7%
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF
เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 579.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 515.8 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่นและอาหารสัตว์เลี้ยง ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 178.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (GTH) และบริษัท โนฟ อีทส์ จำกัด (Nove Eats) ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติทำได้ 71.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 46.2 ล้านบาท รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มธุรกิจ E-commerce เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูง ทำให้สามารถชดเชยกับราคาวัตถุดิบจะสูงขึ้น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขายรวม 1,729.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายรวม 1,435.7ล้านบาท โดยเป็นผลเติบโตจาก 1.) ผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่นรวมถึงอาหาร specialty ที่เติบโต 11.5 % โดยยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ยกเว้นทวีปยุโรป รวมถึงรับรู้ยอดขายที่เพิ่มจากผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม recipe mix, basic seasoning และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (บริษัท Botany Petcare จำกัด) 2.) ธุรกิจ E-commerce รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 95.7% จากบริษัท BOOSTED NRF Corp. ซึ่งมาจากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Prime Labs, SOL Trading, และ WellPath รวมถึงการรับรู้รายได้จาก บริษัท Indeem Group จำกัด ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มมาจากปัจจัยดังกล่าว สามารถชดเชยกับยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่ลดลง
ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของกลุ่มบริษัทฯ ทำได้ 246.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.2% โดยเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 131.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตตามกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงทำให้รายจากการขายในกลุ่ม Ethnic Foods เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้จากการขายอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2565 และการขายสินค้าจากกลุ่มธุรกิจ E-commerce ภายใต้แบรนด์ Prime Labs, SOL Trading และ WellPath รวมถึงบริษัท Indeem Group ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท Plant And Bean Ltd. ที่ลดลง ทำให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้น ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 471.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.8 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และมีการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนใน GTH และ Nove Eats ในไตรมาสที่ผ่านมา
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS