“ไทยเรล โลจิสติกส์” เดินหน้าผู้นำขนส่งทางรางครบวงจร

“ไทยเรล โลจิสติกส์” มุ่งขนส่งทางรางครบวงจร วางเป้าปีแรกให้บริการลูกค้าครอบคลุม ช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ มั่นใจทิศทางขนส่ง Hub and Spok มาแรงสุดในยุคนี้

นางสาวณัฏฐา ธนกิจสถาพร ประธานบริหาร บริษัท ไทยเรล โลจิสติกส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเปิดให้บริการด้านการขนส่งสินค้าทางรางอย่างครบวงจร เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของสินค้า และผู้ประกอบการ ที่ต้องการขนถ่ายสินค้าไปทั่วประเทศ ในราคาที่ประหยัดลดต้นทุนให้กับผู้ใช้บริการที่อยู่ในช่วงเผชิญปัญหาวิกฤตพลังงานงาน ราคาน้ำมันแพง ได้มากถึง 50%

โดยบริษัทไทยเรล โลจิสติกส์ฯ เป็นบริษัทขนส่งทางรางที่มีการขนส่งแบบครบวงจร ที่มุ่งเป็นบริษัทศูนย์กลางการขนส่งทุกหมวด ทั้งทางบก ทางน้ำ หรือเรือ และทางอากาศ การให้บริการของบริษัท ไทยเรล โลจิสติกส์ฯ มีครงวงจร อาทิ บริการขนส่งสินค้า บริการลานตู้สินค้า บริการให้เช่าคลังสินค้า บริการจัดหาหัวรถจักร บริการเช้าตู้สินค้า บริการ Loding อื่น ๆ อย่างครบวงจร สามารถติดตามข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทได้ที่ www.thairail-logistics.com Page FB: Thairail Logistics Co.,Ltd.

สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันที่ใช้บริการนั้น มีหลายรายแล้ว โดยล่าสุดได้ทดลองขนส่งสินค้าทางรถไฟ เส้นทางจุดหยุดรถศรีสำราญ จ.สุพรรณบุรี-สถานีบ้านทุ่งโพธิ์ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยขนส่งสินค้าให้กับบริษัท บุญรอดซัพพลายเชน จำกัด ซึ่งการทดลองขนส่งสินค้าในครั้งนี้ จึงทำให้ทราบว่า การขนส่งทางรถไฟจะช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการขนส่งได้มากน้อยอย่างไร รวมถึงการช่วยลดต้นทุนการขนส่ง อุปสรรค ปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการขนส่งจากต้นทางถึงปลายทาง การโหลดสินค้าขึ้น-ลง หรือขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ จากการทดลองขนส่ง เพื่อนำประสบการณ์นี้ไปปรับปรุงแก้ไขในเที่ยวขบวนจริงในอนาคต

ส่วนกลุ่มลูกค้าในอนาคตนั้น ตั้งเป้าว่า ช่วงกลางปีจะสามารถส่งสินค้าเต็มขบวนถึงปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย ทุกวันวันละ 1 ขบวนไป-กลับ ทั้งนี้ ยังเล็งส่งสินค้าเกษตร ผัก และผลไม้ ไปไกลถึง ประเทศจีน ในส่วนขากลับจะมีสินค้ากลับมาด้วย เช่น ยางพาราและกลุ่มสินค้าจำพวกอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์จากท่าเรือปีนังของมาเลเซียที่ขนส่งจากอินเดียกลับมา เพื่อจะส่งต่อไปยังจีนและไต้หวัน

นอกจากนี้ ไทยเรล โลจิสติกส์ฯ ยังมีนโยบายที่จะขนส่งสินค้าเกษตร ผลไม้ตามฤดูกาลไปให้ผู้ประกอบการนำเข้าพืช ผัก ผลไม้รายใหญ่ในจีนด้วย ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรติดต่อเข้ามาค่อนข้างมาก ตัวอย่างหน่วยงานที่สนใจ เช่น บริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท Flash Express (แฟลชเอ็กซ์เพรส) บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นต้น

“การขนส่งสินค้าทางรถไฟมีจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัย ที่สำคัญจะช่วยให้คนขับรถบรรทุกไม่ต้องขับรถในระยะไกลๆ อีก นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านความเสื่อมสภาพรถบรรทุกและซ่อมบำรุงให้ต่ำลง และที่สำคัญอีกเรื่องคือช่วยกู้วิกฤตเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและช่วยลดปัญหาเรื่องมลพิษให้กับโลกด้วย”

ด้าน นายฐากูร อินทรชม ผู้อำนายการฝ่ายปฏิบัติการเตินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศผู้ผลิต การขนส่งมีการปรับตามการบริโภคของประชาชนและจำนวนผู้ประกอบการ ปัจจุบันจำนวนรถบรรทุกมีจำนวนเพิ่มขึ้นทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทางผู้ประกอบการไทยเรล โลจิสติกส์ฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัย จึงมองว่า การขนส่งสินค้าทางรถไฟเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนต่อไป และการเปิดบริการครงวงจรจะเพิ่มความสะดวก ประหยัดให้กับผู้ใช้บริการขนส่งทางรถไฟได้เป็นอย่างดี

“ปัจจุบันปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กำลังดำเนินงานด้านการตลาดเชิงรุก เพื่อเพิ่มการขนส่งสินค้าทางรางโดยปี 2565 มีเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท มีปริมาณสินค้าประมาณ 12 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีปริมาณสินค้าอยู่ที่ 11.3 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2% โดยช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้ มีการขนส่งสินค้าไปแล้วประมาณ 8.7-8.8 ล้านตัน และประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลังปริมาณการขนส่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนในปี 2566 คาดว่าการขนส่งสินค้าจะอยู่ที่ประมาณ 12.5 ล้านตัน เติบโตเฉลี่ย 2% จากปีนี้”

ขณะที่ ดร.ปิยะนุช สัมฤทธิ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯมีผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก สินค้าส่วนใหญ่ที่ทำการขนส่งจะเป็นสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค ปัจจุบันการให้บริการขนส่ง ด้วยรถบรรทุกประสบกับปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากและการปรับราคาค่า ขนส่งก็จะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าและส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง

ทั้งนี้ ทิศทางการขนส่งสินค้าไทยจะเป็น Hub and Spok รูปแบบการขนส่งต่อเนื่องที่ใช้ขนส่งทางรางเป็นแกนหลัก ผู้ประกอบขนส่งต้องมีการปรับตัวและหาทางที่จะลดต้นทุนการขนส่งให้ต่ำลง ซึ่งแนวทางที่เป็นไปได้ก็คือ การขนส่งสินค้าในลักษณะ “Hub and Spoke” ซึ่งจะเป็นการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multi-modal Transport) กล่าวคือการขนส่งสินค้าทางรางเป็นแกนหลัก การขนส่งสินค้าทางราง (ต้นทุนการขนส่งถูกกว่าทางถนนประมาณ 2 เท่า) กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น โดยจะเป็นเส้นทางที่มีระยะทางการขนส่งที่มากกว่า 300 กิโลเมตร ขณะที่การขนส่งด้วยรถบรรทุกจะทำหน้าที่เป็น Feeder เพื่อกระจายสินค้าต่อไปยังจุดปลายทางต่างๆ ต่อไป


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment