{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
พีดีเฮ้าส์ เผยครึ่งปี แรกมียอดขาย 700 ล้าน แม้ตลาดรับสร้างบ้านหดตัว-แข่งขันเดือด โดยบ้านราคา 10 ล้านขายดีสุด หวั่นครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฝืด น้ำมันแพง กำลังซื้อหดตัว พร้อมปรับตัวหวังดันยอดขายทะลุ 1.2 พันล้านบาท
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ 6 เดือนแรก ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจัยหลัก ๆ เกิดจากภาวเศรษฐกิจประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวดี อันเนื่องมาจากผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โรคระบาดโควิด-19 ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และนโยบายภาครัฐที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงราคาวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างและราคาบ้านขยับสูงขึ้นตามกัน ผู้ประกอบการรายเล็กรายกลางหลาย ๆ รายต้องประสบปัญหาขาดทุน นอกจากนี้ยังฉุดกำลังซื้อส่วนหนึ่งของผู้บริโภคชะงักลงอีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวอาจถือได้ว่าเป็นอีก 1 บทพิสูจน์ศักยภาพของผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบัน รายใดเป็นมืออาชีพตัวจริง และรายใดเป็นแค่มือสมัครเล่นที่ไม่สามารถไปต่อได้หรืออาจจะต้องปิดตัวลง ซึ่งอาจกระทบผู้บริโภคที่ใช้บริการ หากว่าไม่มีการศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริการ และผู้ประกอบการว่ามั่นคงและมั่นใจได้หรือไม่
ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดขายบ้านมูลค่ารวมกว่า 700 ล้านบาท จากจำนวนสาขาที่มีอยู่ทุกภูมิภาค 27 แห่ง เกินกว่าที่คาดหมายไว้อยู่พอสมควร ปัจจัยหลัก ๆ มาจากราคาน้ำมันและวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจปลูกสร้างบ้านเร็วขึ้น เพราะต้องการสร้างบ้านในราคาต้นทุนเดิม กอปรกับการผันผวนของต้นทุนก่อสร้าง ผู้บริโภคจึงมองหาผู้ประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ ด้วยเพราะไม่ต้องการเผชิญกับปัญหาการจัดการ การทิ้งงาน และปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาหลัง อย่างไรก็ดียอมรับว่าตลาดรับสร้างบ้านแข่งขันกันรุนแรงมาก บรรดาผู้ประกอบการต่างงัดออกมาห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ในส่วนของพีดีเฮ้าส์นั้นพยายามหนีการแข่งขันรูปแบบเดิม ๆ จึงหันมาเน้นพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้มีคุณภาพแตกต่าง อาทิเช่น ดีไซน์บ้าน วัสดุ-อุปกรณ์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและดีต่อสุขภาพ ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เห็นถึงประโยชน์และความคุ้มค่าของการลงทุนเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยในระยะยาว
นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิและมาตรฐานศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า จากตัวเลขยอดขาย 700 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ หากจำแนกสัดส่วนกลุ่มราคาบ้านจะพบว่าบ้านในกลุ่มราคา 10 ล้านขึ้นไปมีสัดส่วนมากถึง 46% รองลงมาเป็นบ้านในกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 28%และบ้านในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท จำนวน 26% โดยลูกค้าเลือกปลูกสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมากเป็นอันดับ 1 รองลงมาได้แก่ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ตามลำดับ ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ รวมถึงแพทย์ พยาบาล ข้าราชการ และพนักงานประจำในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ โดยมีสัดส่วนที่เติบโตขึ้นกว่าปีก่อน
สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะกลับมาหดตัวอีกครั้ง ราคาน้ำมันจะยังอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง การปรับอัตราดอกเบี้ยและปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้น คาดว่าจะกระทบต่อกำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านพอสมควร ซึ่งพีดีเฮ้าส์ก็คงต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะเน้นการบริหารจัดการภายในองค์กรให้รัดกุมหรือรัดเข็มขัดมากขึ้น ส่วนในด้านกลยุทธ์การตลาดจะยังคงชูจุดแข็งบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากนี้ในไตรมาส 3 จะเปิดตัวแบบบ้านซีรีย์ใหม่อีก 4 แบบ พร้อมกันนี้จะเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดภาคกลางอีก 1-2 แห่ง เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2565 จะมียอดขายรวมทุกสาขาทะลุ 1.2 พันล้านบาท
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS