{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994)ส่งแบรนด์ “ B-LEAF ” กล่องบรรจุอาหารลงทำตลาดเจาะกลุ่ม ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ศึกษาปรับโรงงานใหม่เน้นผลิตกล่องกระดาษ ส่วนผลงานครึ่งปีแรกกำไร เพิ่มขึ้น 21.57%
นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลัง 2562 บริษัทปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงการแตกไลน์ ไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ ประเภทกล่องบรรจุอาหาร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ แบรนด์ “ B-LEAF (บี-ลีฟ)” โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ เตรียมจำหน่าย ในช่วงไตรมาส 3/2562 นี้ ซึ่งในระยะแรก บริษัทจะจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อนำมาทดลองตลาด ปริมาณ900,000 กล่อง และจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ของลูกค้า โดยบจะเจาะกลุ่มหลัก คือ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ซึ่งเป็นกลุ่มฐานลูกค้าหลักของTPLAS เพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้กับ กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าปลีก ทำให้บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา
สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่นั้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษา ว่าอาจจะมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ ในเรื่องการนำเครื่องจักรมาลง เนื่องจากเดิม บริษัทก่อสร้างอาคารดังกล่าวเพื่อรองรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก แต่ด้วยดีมานด์ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนโรงงานแห่งนี้มาผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องกระดาษแทน ซึ่งงบลงทุนในการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในช่วงก่อนหน้านี้ และคาดว่าโรงานดังกล่าว จะแล้วเสร็จปลายปี 2562
ส่วนผลการดำเนินงาน งวดไตรมาส 2/2562 กรรมการผู้จัดการTPLAS กล่าวว่า บริษัทมีรายได้รวม 126.21 ล้านบาท ลดลง 6.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ มีรายได้รวม 134.96 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 4.64 ล้านบาท ลดลง 17.58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ5.63 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานที่เพิ่มขึ้น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ประกอบกับปริมาณการขายที่ลดลงเล็กน้อ ทำให้ผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 15.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท
สำหรับอัตราการปรับตัวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัท มีความสามารถในการควบคุมต้นทุนค่าใช่จ่าย โดยการทำกำไร จากการปรับเพิ่มส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงได้ดี ขณะที่รายได้รวม ในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 264.17 ล้านบาท ลดลง 3.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการขายรวมลดลง 30 ตัน ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยต่อกิโลกรัม ลดลง 1.99 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง และระดับการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS