สภาดิจิทัลฯยิ้มรัฐออกกม.เว้น Capital Gains Tax

รัฐบาลออกกฎหมายยกเว้น Capital Gains Tax ตามข้อเสนอสภาดิจิทัลฯ ล่าสุดสภาดิจิทัล ขอบคุณพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมผลักดันจนสำเร็จ เชื่อมั่นช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย เตรียมโรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ตั้งเป้าหมายกว่า 300,000 ล้านบาทภายในปี 2568 จ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนตำแหน่ง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 790,000 ล้านบาท

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธาน สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาดิจิทัลฯขอขอบคุณพันธมิตรทุกรายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ภาคธุรกิจเงินร่วมลงทุน และนักลงทุนรายบุคคล และบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพไทยกว่า 20 บริษัท ที่ได้ร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลออกกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในวิสาหกิจเริ่มต้นหรือสตาร์ทอัพจนสำเร็จเป็นรูปธรรมในวันนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย รวมถึงยังเป็นการสร้างไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ สิงค์โปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีนโยบายยกเว้นภาษี Capital Gains Tax ทำให้ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้จำนวนมาก นอกจากนี้กฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้สตาร์ทอัพไทยระดมทุนจากนักลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตแข็งแกร่งสู้กับประเทศอื่นได้ และยังเป็นโอกาสที่ดีในการดึงคนเก่งจากทั่วโลกมาร่วมสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจไทย โดยตั้งเป้าหมายดึงเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าการลงทุนใน Tech Companies ในภูมิภาคอาเซียน เข้ามาลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพไทย มั่นใจจะมีจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนตำแหน่ง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 790,000 ล้านบาท

ทั้งนี้สภาดิจิทัลฯเตรียมวางแผนเดินหน้ากระตุ้นให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย โดยเตรียมออกโรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนจากทั่วโลก อาทิ อเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ นอกจากนี้เตรียมตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อเป็นแหล่งในการให้คำปรึกษาตอบคำถาม ทั้งช่วยประสานงานกับภาครัฐในเรื่องที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดทำข้อมูลและคู่มือการใช้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ เป็นต้น และสิ่งท้าทายสำคัญคือการระดมสรรพกำลัง ให้ภาคเอกชนต่าง ๆ เร่งมาใช้ประโยชน์จากกฎหมายเหล่านี้ให้มากที่สุด

ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าวต่อไปว่า สภาดิจิทัลฯยังมีภารกิจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล การพัฒนาบุคคลากรด้านดิจิทัล ให้เกิดการประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ทั้งการลงทุนและกำลังคนในมิติอื่น ๆ อาทิ Startup สามารถออกหุ้นแปลงสภาพให้แก่นักลงทุนได้, Startup สามารถออกหุ้นแก่พนักงานได้ (ESOP), การส่งเสริมให้เกิดการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นใหม่สำหรับ Startup และ SME ภายใต้ชื่อ LIVE EXCHANGE, ส่งเสริมการระดมทุนจากประชาชนที่อยู่ในรูปของหุ้น/หุ้นกู้ ผ่าน CROWDFUNDING PORTAL ที่จดแจ้งผ่าน ก.ล.ต. , สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับค่าการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะลูกจ้าง และการจ้างงานสายเทคโนโลยี, การสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอบรม และค่าจ้างบุคลากรด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้สภาดิจิทัลฯ จะร่วมผลักดันมาตรการเหล่านี้ร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะเป็นตัวแทนรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน และสะท้อนให้เกิดการปรับปรุงมาตรการเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อไป


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment